ปัญหายาเสพติดยังคงเป็นเรื่องที่สังคมไทยต้องเผชิญอย่างต่อเนื่อง ทั้งในระดับบุคคล ครอบครัว และระดับประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการเสพ การจำหน่าย หรือการลักลอบขนส่ง ล้วนส่งผลกระทบในหลายมิติ ทั้งด้านสุขภาพ เศรษฐกิจ ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน รวมไปถึงคุณภาพชีวิตของเยาวชนซึ่งเป็นอนาคตของชาติ ที่น่าเป็นห่วงคือผู้ใช้สารเสพติดในยุคนี้มีอายุน้อยลง และมีแนวโน้มทดลองสารเสพติดใหม่ ๆ โดยเฉพาะยาเสพติดสังเคราะห์ (synthetic drugs) ที่มาในรูปแบบหลากหลายและแฝงตัวได้แนบเนียน เช่น ลูกอม เครื่องดื่ม หรือแม้แต่บุหรี่ไฟฟ้า
หลายคนอาจเคยได้ยินคำว่า “ยาเสพติดธรรมชาติ” และ “ยาเสพติดสังเคราะห์” จากสื่อหรือข่าวสาร แต่ยังไม่เข้าใจชัดเจนว่าทั้งสองประเภทคืออะไร แตกต่างกันอย่างไร และมีอันตรายแบบไหน โดยเฉพาะในบางกรณีที่สารจากธรรมชาติอาจถูกมองว่า “ไม่รุนแรง” และ “ปลอดภัยกว่า” แต่ในความเป็นจริง สารเสพติดทุกชนิดสามารถสร้างผลกระทบต่อร่างกายและจิตใจอย่างรุนแรงได้ไม่แพ้กัน ดังนั้น การทำความเข้าใจตั้งแต่รากฐานของสารเสพติดแต่ละชนิดจึงเป็นเรื่องจำเป็นในการป้องกันตนเองและทำให้เราสามารถให้คำแนะนำและช่วยเหลือเมื่อมีคนใกล้ตัวติดยาเสพติดได้อีกด้วย
สารเสพติดธรรมชาติ (Natural drugs) คือสารที่ได้จากแหล่งธรรมชาติโดยตรง โดยไม่ผ่านกระบวนการปรุงแต่งหรือแปรสภาพทางเคมีในระดับสูง เช่น พืชบางชนิด หรือสารที่ได้จากสัตว์บางประเภท สารเหล่านี้เมื่อเข้าสู่ร่างกายจะส่งผลต่อระบบประสาทส่วนกลาง ซึ่งมีหน้าที่ควบคุมการเคลื่อนไหว การรับรู้ อารมณ์ ความคิด และพฤติกรรมต่าง ๆ ของมนุษย์
นอกจากนี้ สารเสพติดธรรมชาติยังหมายถึงสารที่มีอยู่ในธรรมชาติและสามารถออกฤทธิ์ต่อจิตใจหรือร่างกายได้โดยตรง โดยไม่จำเป็นต้องสังเคราะห์ขึ้นใหม่ ยาเสพติดประเภทนี้อาจมีการใช้ในทางการแพทย์มาก่อน เช่น เพื่อบรรเทาอาการปวด หรือรักษาโรคบางชนิด แต่เมื่อถูกนำมาใช้โดยไม่มีการควบคุม หรือใช้เพื่อความบันเทิงหรือหลีกหนีปัญหา ก็สามารถกลายเป็นอันตรายร้ายแรงได้ทันที
ตัวอย่างของสารเสพติดธรรมชาติที่พบได้บ่อยในไทยและทั่วโลก ได้แก่
แม้ว่าในบางประเทศจะเริ่มมีการเปิดเสรีให้กับยาเสพติดธรรมชาติบางชนิด เช่น กัญชา เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์หรือเศรษฐกิจ แต่การใช้งานก็ต้องอยู่ภายใต้การควบคุมที่เข้มงวด เพราะหากใช้ผิดวิธี ก็อาจเปลี่ยนจากการรักษาไปสู่การทำลายชีวิตได้
สารเสพติดสังเคราะห์ (Synthetic drugs) คือ สารที่ถูกคิดค้นและผลิตขึ้นโดยมนุษย์ผ่านกระบวนการทางเคมีในห้องทดลองหรือโรงงาน โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อเลียนแบบฤทธิ์ของสารเสพติดธรรมชาติหรือเพื่อสร้างสารชนิดใหม่ที่มีฤทธิ์แรงกว่า ออกฤทธิ์เร็วกว่า และมักมีผลกระทบต่อสมองและระบบประสาทอย่างรุนแรง การผลิตสารเสพติดสังเคราะห์เหล่านี้มักเกิดขึ้นนอกระบบกฎหมายและไม่ได้ผ่านการควบคุมความปลอดภัย ทำให้มีความเสี่ยงสูงมากต่อผู้ใช้ สารเสพติดสังเคราะห์ไม่ได้มีอยู่ในธรรมชาติโดยตรง แต่ถูกสังเคราะห์ขึ้นจากสารเคมีหลายชนิด ซึ่งบางครั้งอาจเป็นสารตั้งต้นที่เป็นอันตรายหรือมีพิษในตัวเอง เมื่อเข้าสู่ร่างกายจะรบกวนการทำงานของสมอง ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางจิตใจและพฤติกรรมในทันที
ในบางกรณี ยาเสพติดสังเคราะห์ (synthetic drugs) ยังถูกออกแบบมาให้เลียนแบบผลของสารเสพติดดั้งเดิม เช่น ฝิ่นหรือกัญชา แต่เพิ่มความแรงให้มากขึ้น ซึ่งนอกจากจะทำให้การเสพติดเกิดขึ้นรวดเร็วแล้ว ยังเพิ่มความเสี่ยงต่ออาการแทรกซ้อนทางร่างกายและจิตใจ เช่น หัวใจเต้นผิดจังหวะ ความดันโลหิตสูงขึ้นเฉียบพลัน หรือเกิดอาการหลอนแบบรุนแรงจนควบคุมตนเองไม่ได้อีกด้วย
เนื่องจากยาเสพติดสังเคราะห์ถูกผลิตแบบไม่ได้มาตรฐานและมีสารปนเปื้อนหลากหลายชนิด ผู้ใช้จึงมักไม่รู้แน่ชัดว่าตนได้รับสารในปริมาณเท่าใด จึงมีความเสี่ยงสูงต่อการใช้เกินขนาด บางรายเพียงเสพครั้งแรกก็อาจเกิดภาวะหัวใจล้มเหลว หายใจไม่ออก หรือเสียชีวิตได้ทันที นอกจากนี้ สารเสพติดสังเคราะห์ยังมีแนวโน้มถูกดัดแปลงสูตรใหม่เรื่อย ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจจับจากหน่วยงานรัฐ ทำให้การควบคุมตามกฎหมายทำได้ยากขึ้น และกลายเป็นภัยเงียบที่แฝงตัวอยู่ในสังคมโดยที่ผู้คนจำนวนมากยังไม่รู้เท่าทัน
ถึงแม้สารเสพติดทั้งสองประเภทจะมีผลต่อร่างกายคล้ายกัน เช่น การเสพติด ทำลายระบบประสาท และสุขภาพจิต แต่แหล่งที่มา กลไกการออกฤทธิ์ และความรุนแรงของผลกระทบกลับมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน
การมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสารเสพติดธรรมชาติและสารเสพติดสังเคราะห์เป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งในยุคปัจจุบัน เพราะไม่เพียงแต่ช่วยให้เราหลีกเลี่ยงการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสารเสพติด แต่ยังช่วยให้เราสามารถชี้แนะและเตือนภัยคนรอบตัวได้อย่างมีเหตุผลและมีน้ำหนักมากขึ้น การรู้ว่ายาเสพติดธรรมชาติคือสิ่งที่แม้จะมาจากธรรมชาติ เช่น กัญชา ฝิ่น หรือใบกระท่อม แต่ก็ยังคงมีฤทธิ์เสพติดและส่งผลกระทบต่อระบบประสาทและจิตใจหากใช้ในปริมาณมากหรือใช้ต่อเนื่องโดยไม่มีการควบคุม นอกจากนี้การใช้สารเสพติดธรรมชาติโดยไม่รู้วิธีการใช้อย่างถูกต้อง อาจนำไปสู่ภาวะเสพติดทางร่างกายและจิตใจโดยไม่รู้ตัวอีกด้วย
ในขณะเดียวกัน การเข้าใจว่ายาเสพติดสังเคราะห์หรือยาเสพติดสังเคราะห์มีความรุนแรงต่อร่างกายและจิตใจอย่างมาก เพราะมักมีฤทธิ์ออกฤทธิ์เร็ว รุนแรง และยาวนานกว่าสารธรรมชาติ อีกทั้งยังถูกผลิตขึ้นจากสารเคมีหลายชนิดที่ไม่ผ่านมาตรฐานความปลอดภัย ส่งผลให้มีความเสี่ยงต่อการใช้เกินขนาดและเสียชีวิตมากกว่าหลายเท่า
ที่สำคัญ ในปัจจุบันมีแนวโน้มที่น่ากังวลคือ การนำ สารเสพติดธรรมชาติ สารเสพติดสังเคราะห์ มาผสมผสานกัน เช่น การใช้ใบกระท่อมผสมกับยาแก้ไอน้ำอัดลม หรือยาแก้แพ้ เพื่อเพิ่มฤทธิ์ของสารออกฤทธิ์ ส่งผลให้ควบคุมผลกระทบได้ยากยิ่งขึ้น ผู้ใช้จึงเสี่ยงต่ออาการแทรกซ้อน เช่น หมดสติ หัวใจเต้นผิดจังหวะ หรือเกิดอาการหลอนรุนแรงโดยไม่ทันตั้งตัว นอกจากนี้ การผสมผสานสารเหล่านี้ยังทำให้ผู้ใช้เข้าใจผิดว่าเป็น “สูตรอ่อน” หรือ “สูตรปลอดภัย” ซึ่งไม่เป็นความจริงเลย เพราะการรวมกันของสารหลายชนิดอาจเสริมฤทธิ์กันในทางลบ ทำให้เกิดผลข้างเคียงที่คาดเดาไม่ได้ และยากต่อการรักษาหากเกิดอาการฉุกเฉิน
ศูนย์บำบัดยาเสพติดเอกชนไลท์เฮ้าส์ (Lighthouse) เป็นสถานฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดและแอลกอฮอล์ที่มีมาตรฐานระดับนานาชาติ ตั้งอยู่ในย่านรามคำแหง 118 กรุงเทพมหานคร โดยเน้นการบำบัดแบบกินนอนในบรรยากาศที่ปลอดภัยและเป็นส่วนตัว รองรับผู้เข้ารับการบำบัดสูงสุดเพียง 7 คนต่อรอบ เพื่อให้การดูแลเป็นรายบุคคลอย่างใกล้ชิด โดยทีมสหวิชาชีพที่มีประสบการณ์และได้รับการฝึกอบรมจากสหรัฐอเมริกา รวมถึงนักจิตวิทยา พยาบาลวิชาชีพ และนักสังคมสงเคราะห์ จุดเด่นของไลท์เฮ้าส์คือการบำบัดแบบองค์รวมที่ผสมผสานจิตบำบัดรายบุคคล การบำบัดแบบกลุ่ม การดูแลสุขภาพจิต และการมีส่วนร่วมของครอบครัวในกระบวนการฟื้นฟู โดยมีเจ้าหน้าที่ดูแลตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครันและเป็นส่วนตัว ศูนย์ได้รับการขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และให้บริการโดยไม่ติดประวัติ เพื่อให้ผู้เข้ารับการบำบัดสามารถกลับไปใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างมั่นใจ หากต้องการสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถติดต่อเราได้เลยวันนี้
Lighthouse Human Services & Consulting, Co., Ltd.
Head Office:
Ramkamheng 118
Saphan Sung, Bangkok 10240
Thailand