อนาคตกัญชาในไทย จะกลับมาผิดกฎหมายอีกครั้งหรือไม่?

สถานการณ์ของกัญชาในประเทศไทยตอนนี้เหมือนอยู่ในภาวะสูญญากาศทางกฎหมาย ที่ยังไม่แน่ชัดว่าจะยังคงสถานะถูกกฎหมายต่อไป หรือจะกลับไปอยู่ในบัญชียาเสพติดอีกครั้งหลังจากที่ถูกปลดล็อกมาเป็นเวลานานกว่า 2 ปี ในระหว่างความไม่แน่นอนนี้ เราจึงอยากชวนทุกคนมาวิเคราะห์ถึงความเป็นไปได้จากแง่มุมต่างๆ ที่อาจมีผลต่อทิศทางของกัญชาในอนาคตกัน

ความเป็นมาของกฎหมายกัญชาในประเทศไทย

ก่อนจะไปวิเคราะห์สถานการณ์ในอนาคต เรามาลองไล่เรียง Timeline ของกฎหมายกัญชาไทยในอดีตกันสักหน่อย สมัยก่อน กัญชา ถือเป็นสมุนไพรที่ใช้กันทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นการนำมาประกอบอาหาร สูบเพื่อความเพลิดเพลิน หรือนำมาใช้เป็นยาคลายกล้ามเนื้อในกลุ่มผู้ใช้แรงงาน จนกระทั่งมีการออกพระราชบัญญัติกัญชา พ.ศ. 2477 ห้ามมิให้ผู้ใดปลูก นำเข้า ซื้อขาย หรือครอบครองกัญชาโดยเด็ดขาด ในเวลาต่อมากัญชายังถูกจัดเป็นยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 และไม่อนุญาตให้นำมาใช้ในทางการแพทย์อีกด้วย

ภายหลังเมื่อมีการศึกษาวิจัยถึงประโยชน์ของกัญชามากขึ้น หลายประเทศทั่วโลกจึงมีการแก้ไขกฎหมายของกัญชาให้สามารถนำมาใช้ประโยชน์ในทางการแพทย์ได้ ประเทศไทยเองก็มีการออกพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2562 ที่อนุญาตให้ใช้กัญชาในการรักษาหรือศึกษาวิจัยได้เช่นกัน แต่ยังถือว่าเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 5 อยู่ จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นอีกครั้งในปี 2565 เมื่อมีการ “ปลดล็อกกัญชา” ทุกส่วนของกัญชาและสารสกัดกัญชาที่มีสาร THC ไม่เกิน 0.2% จึงไม่ถือเป็นยาเสพติด ประชาชนสามารถปลูก ขาย ครอบครอง และนำมาใช้ได้ 

เหตุผลที่กัญชาอาจกลับมาผิดกฎหมาย

อย่างไรก็ตามผลกระทบที่เกิดขึ้นจากนโยบายกัญชาเสรี ทำให้เกิดเสียงเรียกร้องจากหลายฝ่าย ให้รัฐบาลทบทวนสถานะทางกฎหมายของกัญชาอีกครั้ง โดยมีประเด็นสำคัญที่ถูกหยิบยกขึ้นมาถกเถียงกันในแง่ต่างๆ เช่น

  1. การใช้ผิดวัตถุประสงค์

ปัจจุบันการนำกัญชามาใช้เพื่อความบันเทิงหรือสันทนาการ มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นถึง 10 เท่า อีกทั้งยังพบว่าตลาดกัญชาในประเทศไทยมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างมาก ทำให้เด็กและวัยรุ่นสามารถเข้าถึงกัญชาได้ง่ายขึ้น โดยในเดือนเมษายน 2567 พบว่ามีจุดจำหน่ายกัญชามากถึง 7,747 แห่ง รวมถึงช่องทางออนไลน์และเยาวชนส่วนใหญ่ยังนิยมใช้กัญชาร่วมกับสารเสพติดอื่น เช่น สุรา ยาสูบ กระท่อม ทำให้มีความเสี่ยงมากขึ้นจากการเสริมฤทธิ์กันของสารเสพติดหลายชนิด เช่น มีอาการมึนเมามากกว่าปกติ ใจสั่น หัวใจเต้นเร็ว ความดันโลหิตตก เป็นพิษต่อตับ สูญเสียความทรงจำระยะสั้น

  1. ผลกระทบต่อสังคมและสุขภาพ

ผลกระทบของกัญชาต่อสุขภาพสะท้อนให้เห็นจากจำนวนผู้ป่วยนอกที่มารับการรักษาด้วยอาการติดกัญชาในโรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเพิ่มจาก 16,643 ราย ในปี 2562 เป็น 32,634 ราย ในปี 2566 หรือคิดเป็น 2 เท่า ในขณะที่ผู้ป่วยในก็เพิ่มจาก 1,137 ราย ในปี 2562 เป็น 5,924 ราย ในปี 2566 หรือคิดเป็น 5 เท่า

เช่นเดียวกับตัวเลขผู้ป่วยนอกที่รับการรักษาด้วยอาการโรคจิตจากการใช้กัญชา ซึ่งเพิ่มจาก 6,585 ราย ในปี 2562 เป็น 20,502 ราย ในปี 2566 หรือคิดเป็น 3 เท่า และผู้ป่วยในที่เพิ่มจาก 742 รายในปี 2562 เป็น 3,989 รายในปี 2566 หรือคิดเป็น 5 เท่า ส่งผลให้ต้นทุนการรักษาผู้ป่วยสูงขึ้นตามไปด้วย จากที่มีค่าใช้จ่ายปีละ 3,200 – 3,800 ล้านบาท ในช่วงปี 2562 – 2564 เป็น 15,000 – 21,000 ล้านบาท ในปี 2565 – 2566 หรือเพิ่มขึ้น 5 เท่า 

นอกจากนี้ ยังพบว่าคดีอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับกัญชาก็เพิ่มสูงขึ้นด้วย เช่น เหตุวัยรุ่นคลุ้มคลั่งหลังเสพกัญชา เหตุทะเลาะวิวาทสร้างความเดือดร้อน ความรุนแรงในครอบครัว หรือการสูบกัญชาในที่สาธารณะ ที่ทำให้คนรอบข้างได้รับผลกระทบจากควันกัญชาไปด้วย

  1. เสียงวิจารณ์จากประชาชนและกลุ่มการแพทย์

ตลอดระยะเวลากว่า 2 ปี มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากหลายฝ่ายถึงผลกระทบของกัญชา โดยเฉพาะในกลุ่มการแพทย์ที่มองว่า ควรยกเลิกกัญชาเสรี คืนกัญชาสู่บัญชียาเสพติด และอนุญาตให้ใช้เฉพาะในทางการแพทย์เท่านั้น เนื่องจากหากปล่อยให้มีการใช้เพื่อสันทนาการโดยปราศจากการควบคุม อาจนำไปสู่ผลกระทบในวงกว้าง 

ในขณะที่นิด้าโพลก็ได้เผยผลสำรวจของประชาชนต่อการนำกัญชากลับเข้าบัญชียาเสพติด ร้อยละ 60.38 เห็นด้วยมาก และร้อยละ 15.27 ค่อนข้างเห็นด้วย นอกจากนี้กว่าร้อยละ 74.58 ยังเห็นควรให้มีการกำหนดนโยบายกัญชาเพื่อใช้ประโยชน์ทางการแพทย์และการรักษาโรค 

  1. ช่องว่างทางกฎหมาย

แม้จะมีกฎหมายควบคุมกัญชา แต่ก็ยังพบช่องว่างในหลายจุดที่ทำให้เกิดการนำไปใช้ในทางที่ผิด เช่น 

  • กฎหมายกัญชา ปัจจุบันระบุเพียงว่า ห้ามขายสารสกัดกัญชาที่มีค่า THC เกินร้อยละ 0.2 แต่กลับไม่ได้ห้ามการขายช่อดอกกัญชา ซึ่งในบางกรณีอาจมีค่า THC สูงเกินกว่าที่กำหนด 
  • กฎหมายกำหนดให้ผู้ผลิตที่นำกัญชามาใช้ในผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม ต้องส่งตัวอย่างสินค้าตรวจสอบกับ อย. ก่อนวางจำหน่าย แต่กระบวนการตรวจสอบนี้เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวในขั้นตอนขออนุญาต ผู้ผลิตบางรายจึงลักลอบผสมกัญชาเกินที่แจ้งไว้ภายหลัง 

เหตุผลที่กัญชาอาจยังคงถูกกฎหมาย

แม้กฎหมายกัญชาล่าสุดจะถูกคัดค้านจากหลายฝ่าย แต่ก็ยังมีปัจจัยหลายประการที่สนับสนุนให้คงสถานะของกัญชาที่ถูกกฎหมาย เช่น

  1. ประโยชน์ทางการแพทย์

บทบาทของกัญชาในทางการแพทย์ถูกนำมาใช้บรรเทาอาการต่างๆ เช่น อาการคลื่นไส้ อาเจียนจากการทำเคมีบำบัด อาการปวด นอนไม่หลับ เบื่ออาหาร ในผู้ป่วยโรคมะเร็งระยะท้าย โรคลมชักที่รักษายาก ภาวะกล้ามเนื้อหดเกร็งในผู้ป่วยโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง ภาวะปวดประสาท และในอนาคตหากมีผลการศึกษาวิจัยมากขึ้น กัญชาก็อาจมีประโยชน์ในการรักษาโรคอื่นๆ เพิ่มเติมด้วย

  1. ผลกระทบทางเศรษฐกิจ

การดึงกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดโดยไม่มีมาตรการเยียวยารองรับ จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นของนักลงทุนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ อุตสาหกรรมกัญชาซึ่งมีการลงทุนไปแล้วกว่า 1 หมื่นล้านบาท จะต้องเผชิญกับวิกฤต นอกจากนี้ยังจะพลาดโอกาสที่จะเติบโตไปพร้อมกับตลาดผลิตภัณฑ์ CBD ทั่วโลก ซึ่งมีมูลค่าสูงถึง 6.7 แสนล้านบาทในปัจจุบัน และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 2.5 ล้านล้านบาทในปี 2033 หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีที่ 14.33% 

  1. การยอมรับกัญชาในวงกว้างมากขึ้น

ปัจจุบันหลายประเทศทั่วโลกอนุญาตให้ใช้กัญชาเพื่อการแพทย์ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย เช่น ออสเตรเลีย เนเธอร์แลนด์ นิวซีแลนด์ เยอรมนี อิตาลี โปแลนด์ โปรตุเกส สวิตเซอร์แลนด์ นอร์เวย์ เดนมาร์ก ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีประเทศที่อนุญาตให้ใช้กัญชาเสรี คือใช้ได้ทั้งในทางสันทนาการและการแพทย์ เช่น แคนาดา จอร์เจีย แอฟริกาใต้ และอุรุกวัย ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มของการยอมรับ และการเปิดกว้างต่อการใช้กัญชาในระดับโลกมากขึ้น

อัปเดตข่าวล่าสุดเกี่ยวกับกัญชาในปัจจุบัน

ข่าวกัญชาล่าสุดมีการเผยแพร่ร่างประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 ซึ่งกำหนดให้ ช่อดอกกัญชา และ สารสกัดที่มีค่า THC เกิน 0.2% ถูกจัดเป็นยาเสพติด ขณะที่ส่วนอื่นๆ เช่น กิ่ง ก้าน ใบ ไม่ถือเป็นยาเสพติด อย่างไรก็ตาม ร่างประกาศดังกล่าวยังอยู่ระหว่างการพิจารณาและอาจมีการเปลี่ยนแปลงอีกในอนาคต เพราะฉะนั้นใครที่กำลังลุ้นว่ากัญชาผิดกฎหมายหรือยัง ก็อาจจะต้องรออีกประมาณ 1 – 2 ปี จึงได้ข้อสรุปที่ชัดเจน

คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับกัญชา

สำหรับใครที่ไม่ได้ติดตามข่าวกัญชา อาจจะเกิดความสับสนว่าสรุปแล้วสถานะของกัญชาในไทยเป็นอย่างไรกันแน่ เราจึงได้รวบรวมคำถามที่พบบ่อยมาตอบให้หายสงสัยกันด้วย 

  1. กัญชาในประเทศไทยตอนนี้ถูกกฎหมายหรือไม่?

ถ้าถามว่าตอนนี้กัญชาผิดกฎหมายไหม ต้องบอกว่ากัญชายังถูกกฎหมายอยู่ สามารถปลูก ครอบครอง หรือใช้เพื่อส่วนตัวได้ ยกเว้นสารสกัดที่มี THC เกิน 0.2% ซึ่งยังถือเป็นยาเสพติด 

  1. เสพกัญชา ผิดกฎหมายไหม?

การเสพกัญชาก็ไม่ถือว่าผิดกฏหมายเช่นกัน แต่ห้ามสูบในที่สาธารณะ เพราะถือเป็นเหตุรำคาญ มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 25,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

  1. พรบ กัญชา ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?

พรบ กัญชา ยังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณา โดยล่าสุด (12 มกราคม 2568) นายจิรพงษ์ ทรงวัชราภรณ์ รองโฆษกกระทรวงสาธารณสุขเผยว่า กระทรวงสาธารณสุขได้จัดทำร่าง พ.ร.บ. กัญชา กัญชง เสร็จเป็นที่เรียบร้อย และส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป ก่อนเสนอต่อคณะรัฐมนตรีและสภาผู้แทนราษฎร

ไม่ว่าสุดท้ายแล้วกัญชาเป็นยาเสพติดหรือไม่ แต่อย่าลืมว่าการใช้กัญชาก็ยังมีความเสี่ยงที่ต้องระวัง โดยเฉพาะในผู้ที่ติดกัญชา ควรเข้ารับการบำบัดรักษาที่ศูนย์บำบัดยาเสพติดให้เร็วที่สุด 

สถานฟื้นฟูไลท์เฮ้าส์ เรามีบริการฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดที่จะมีทีมผู้เชี่ยวชาญที่ช่วยให้คำปรึกษาและวางแผนการฟื้นฟูที่เหมาะสม พร้อมดูแลคุณด้วยความใส่ใจตลอด 24 ชั่วโมง เราเชื่อมั่นในแนวทางการฟื้นฟูแบบองค์รวมที่ไม่เพียงช่วยให้คุณเลิกพฤติกรรมการใช้สารเสพติด แต่ยังมุ่งเน้นไปที่การสร้างสุขภาพกายและจิตใจที่แข็งแรงและยั่งยืน เราออกแบบโปรแกรมการบำบัดให้เหมาะสมกับความต้องการเฉพาะบุคคล เช่น การให้คำปรึกษาแบบตัวต่อตัว กิจกรรมกลุ่มที่เสริมสร้างกำลังใจ และการฟื้นฟูจิตใจผ่านกิจกรรมสร้างสรรค์หลากหลายรูปแบบ หากคุณพร้อมเริ่มต้นชีวิตใหม่ ติดต่อเราได้ทุกเมื่อ เราพร้อมเป็นแรงสนับสนุนให้คุณได้กลับมาใช้ชีวิตอย่างมั่นคงอีกครั้ง

References

เชิดชู อริยศรีวัฒนา. “กัญชาทางการแพทย์” เข้าถึงได้จาก https://www.wongkarnpat.com/viewpat.php?id=2972 

นรากร นันทไตรภพ. “การครอบครอง และการใช้กัญชาภายหลังการปลดล็อก” เข้าถึงได้จาก https://old.parliament.go.th/ewtadmin/ewt/parliament_parcy/ewt_dl_link.php?nid=88480&filename=index 

Hfocus. 2024. “เผยผลวิจัยหลังปลดล็อกกัญชา คนไทย 1 ใน 5 เคยใช้ พบจุดจำหน่ายเกือบ 8 พันจุด” เข้าถึงได้จาก https://www.hfocus.org/content/2024/05/30411 

กิรติพงศ์ แนวมาลี และชณิสรา ดำคำ. 2024. “จัดระเบียบกัญชา เพิ่มมาตรการ-อุดช่องว่างกฎหมาย” เข้าถึงได้จาก https://www.bangkokbiznews.com/health/public-health/1129038 

เสาวลักษณ์ เขตสูงเนิน. 2024. “รัฐจะเปลี่ยนแปลงอะไรก็ได้ แต่นโยบายต้องชัด! เมื่ออุตสาหกรรมกัญชงและกัญชาไทยตกอยู่ในสภาวะสุญญากาศ” เข้าถึงได้จาก  https://thestandard.co/hemp-and-cannabis-industry-policy-thailand/ ThaiPBS. 2024. “เยอรมนี ประเทศที่ 9 ของโลกไฟเขียว กัญชา เพื่อสันทนาการ”  เข้าถึงได้จาก https://www.thaipbs.or.th/news/content/338667

ได้ขึ้นทะเบียนเป็นสถานฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ป่วยยาเสพติดและด้านสภาพจิตใจอย่างถูกต้องตามกฏหมาย

เกี่ยวกับศูนย์ฟื้นฟูไลท์เฮ้าส์

เป็นศูนย์ฟื้นฟูและพักฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในกรุงเทพ ศุนย์ฟื้นฟูไลท์เฮ้าส์ เป็นศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพในรูปแบบอเมริกัน ให้การรักษาติดยาเสพติดที่มีคุณภาพสูงสุดในราคาที่เหมาะสมและเป็นการบำบัดแบบเฉพาะในประเทศไทยเพื่อให้การรักษาเป็นรายบุคคลกับผู้บำบัดรักษาทุกราย เราเป็นเจ้าของและดำเนินการโดยทีมงานชาวอเมริกันและคนไทยที่มีประสบการณ์และได้รับการฝึกอบรมการรักษาการติดยาเสพติดและความผิดปกติด้านสุขภาพจิตจากสหรัฐอเมริกา

บริการของเรา

ให้การรักษาอาการของผู้ที่ติดยาเสพติดและแอลกอฮอล์โดยมีวิธีการรักษาแบบเหมาะสำหรับแต่ละบุคคล เรามีผู้เชี่ยวชาญด้านการบำบัดการติดยาเสพติดที่มีคุณสมบัติและความรู้เหมาะสมที่สุด และบุคลากรทางการแพทย์ของเราทุกคนจบปริญญาโทหรือสูงกว่าโดยมีประสบการณ์หลายปีในการทำงานด้านสุขภาพจิตและการรักษาติดยาเสพติด ได้รับการฝึกอบรมในการรักษาการติดยาเสพติดและรักษาผู้ที่มีอาการผิดปกติด้านสุขภาพจิต

ติดต่อเรา

Lighthouse Human Services & Consulting, Co., Ltd.

Head Office:
Ramkamheng 118
Saphan Sung, Bangkok 10240
Thailand

Email: [email protected]