ยาถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อใช้บรรเทาอาการเจ็บป่วย ช่วยให้ผู้ป่วยฟื้นตัวได้ดีขึ้น แต่หากนำไปใช้ผิดวิธีก็อาจเป็นอันตรายต่อร่างกายได้ อย่างเช่น “ยาทรามาดอล” หรือที่หลายคนเรียกว่า “ยาเขียวเหลือง” ซึ่งเป็นยาแก้ปวดที่วัยรุ่นบางกลุ่มนำมาใช้เสพเพื่อทำให้เกิดความมึนเมา โดยหารู้ไม่ว่าความสุขเพียงชั่วครู่ที่เกิดจากการเสพนั้นอาจก่อให้เกิดอันตรายถึงชีวิต บทความนี้จะพาไปเจาะลึกกันว่า ทรามาดอลคือยาอะไรและทำไมจึงทำให้เกิดการเสพติดได้
ทรามาดอล หรือ Tramadol คือยาแก้ปวดในกลุ่มโอปิออยด์ (Opioid Analgesics) ออกฤทธิ์คล้ายกับมอร์ฟีนแต่เบากว่า มีทั้งชนิดเม็ด แคปซูล ยาเหน็บ และยาฉีด ซึ่งชนิดที่หาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไปจะบรรจุอยู่ในแคปซูลสีเขียวเหลือง คนจึงนิยมเรียกกันว่า “ยาเขียวเหลือง” ใช้บรรเทาอาการปวดระดับปานกลางถึงรุนแรงในผู้ที่มีอาการปวดแบบเฉียบพลันหรือเรื้อรัง เช่น อาการปวดหลังผ่าตัด อาการปวดจากกระดูกหัก บาดแผล โรคมะเร็ง ข้อเสื่อม ข้ออักเสบรูมาตอยด์ ปวดกระดูกและกล้ามเนื้อ ฯลฯ รวมถึงผู้ที่ใช้ยาแก้ปวดชนิดอื่นแล้วไม่สามารถบรรเทาอาการได้
การทำงานของยาทรามาดอลนั้น กลไกการออกฤทธิ์มี 2 กลไก หนึ่งคือไปจับกับตัวรับโอปิออยด์ชนิดมิว (μ-opioid receptor) ในระบบประสาทส่วนกลาง และขัดขวางการส่งสัญญาณความเจ็บปวดระหว่างสมองกับร่างกาย สองคือไปยับยั้งการดูดซึมกลับของเซโรโทนิน (Serotonin) และนอร์เอพิเนฟริน (Norepinephrine) ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่มีบทบาทสำคัญต่อการควบคุมอารมณ์และความเจ็บปวด จึงช่วยบรรเทาอาการปวดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ปัจจุบันมีการปรับสถานะของยาแก้ปวดทรามาดอลแล้ว จากที่เคยถูกจัดเป็นยาอันตราย ตอนนี้กลายมาเป็น “ยาควบคุมพิเศษ” ซึ่งหมายความว่ายาชนิดนี้จะจำหน่ายได้ก็ต่อเมื่อมีใบสั่งจากแพทย์เท่านั้น และห้ามจำหน่ายให้กับผู้ที่อายุต่ำกว่า 17 ปีในทุกกรณี หากพบว่ามีการจำหน่ายยาทรามาดอลผิดกฎหมาย เช่น จ่ายยาให้กับผู้ที่ไม่มีข้อบ่งใช้ทางการแพทย์ ลักลอบจำหน่ายตามโซเชียลมีเดีย หรือร้านขายยาที่ไม่ได้รับอนุญาต ไม่มีเภสัชกรประจำร้าน จะมีโทษทั้งจำและปรับ รวมถึงอาจถูกพักหรือเพิกถอนใบอนุญาต ทั้งนี้ก็เพื่อป้องกันไม่ให้คนบางกลุ่มนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ ไม่ว่าจะเป็น
การใช้ทรามาดอลรักษาอาการปวด โดยทั่วไปจะรับประทานครั้งละ 50 มิลลิกรัม ทุก 4-6 ชม. โดยขนาดสูงสุดสำหรับผู้ใหญ่ไม่ควรเกิน 400 มิลลิกรัมต่อวัน แต่หากมีการใช้ยาแก้ปวดทรามาดอลในทางที่ผิด เช่น ใช้เกินขนาดที่แพทย์สั่ง ใช้ต่อเนื่องเป็นเวลานาน หรือใช้เสพเพื่อความผ่อนคลาย อาจนำไปสู่การเสพติดและต้องเพิ่มปริมาณยามากขึ้นเพราะเกิดการดื้อยา ซึ่งจะส่งผลเสียต่อสุขภาพและทำให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์ เช่น คลื่นไส้ อาเจียน เวียนศีรษะ หัวใจเต้นเร็ว ช็อกหมดสติ เป็นต้น
อีกหนึ่งวิธีที่นิยมคือ การนำยาแก้ปวด Tramadol มาผสมกับเครื่องดื่ม หรือยาชนิดต่างๆ เช่น ทรามาดอลผสมโค้ก น้ำอัดลม เครื่องดื่มชูกำลัง เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน ยาแก้ไอ ยาลดน้ำมูก ยาแก้แพ้ ฯลฯ จะทำให้เกิดอาการมึนเมาคล้ายการดื่มแอลกอฮอล์ นอกจากนี้บางรายยังใช้ร่วมกับสารเสพติด เช่น ยาอี ยาบ้า น้ำกระท่อม ซึ่งจะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียงที่รุนแรงและอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
เมื่อทราบแล้วว่าประโยชน์ของยาทรามาดอลรักษาโรคอะไรได้บ้าง หลายคนก็คงจะสงสัยว่าทำไมการใช้ยานี้จึงทำให้เกิดการเสพติดได้ ต้องบอกว่าจริงๆ แล้วไม่ใช่แค่ทรามาดอล แต่ยาแก้ปวดในกลุ่มโอปิออยด์เกือบทุกชนิดมีความเสี่ยงในการเสพติดสูง เพราะยาเหล่านี้จะออกฤทธิ์กดประสาทส่วนกลาง และทำให้เกิดอาการ “เคลิ้มสุข” เช่นเดียวกับฝิ่น เฮโรอีน ผู้ใช้จึงรู้สึกสงบ ผ่อนคลาย มึนเมา เคลิบเคลิ้ม และอยากใช้ซ้ำ จนนำไปไปสู่การเสพติดนั่นเอง
ส่วนใครที่สงสัยว่าทรามาดอลตรวจฉี่เจอไหม? ต้องบอกว่ามีโอกาสเจอได้ เพราะยาจะถูกขับออกทางปัสสาวะเป็นหลัก โดยสามารถตรวจพบได้นาน 2-4 วัน หลังกินทรามาดอลครั้งสุดท้าย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปริมาณยาและร่างกายของแต่ละคนด้วย
ทรามาดอลมีประโยชน์มาก แต่ก็เป็นยาที่มีผลข้างเคียงสูง จึงควรใช้เท่าที่จำเป็นและอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอาการเสพติด รวมถึงอาการไม่พึงประสงค์ เช่น
ผู้ที่ใช้ยาทรามาดอล ผลข้างเคียงอาจมีอาการ คลื่นไส้ อาเจียน ปวดศีรษะ ท้องผูก มือสั่น ใจสั่น ความดันโลหิตต่ำ มึนงง ง่วงซึม ฯลฯ หากมีการดื่มแอลกอฮอล์หรือใช้ยาเสพติดชนิดอื่นร่วมด้วย ก็จะทำให้ทรามาดอลออกฤทธิ์กดระบบประสาทส่วนกลางมากขึ้น ส่งผลให้อาการข้างเคียงรุนแรงขึ้นด้วย
ยาทรามาดอล โทษเมื่อใช้ต่อเนื่องเป็นเวลานานจนเสพติด จะทำให้เกิดผลข้างเคียงที่รุนแรงถึงขั้นประสาทหลอน ชัก มีอาการกล้ามเนื้อเกร็งกระตุกร่วมกับความดันโลหิตสูง เกิดภาวะลิ่มเลือดกระจายในหลอดเลือด ระบบหัวใจและหลอดเลือดล้มเหลว ไตวายเฉียบพลัน จนทำให้เสียชีวิตได้
การป้องกันที่ดีที่สุด คือ การรับประทานทรามาดอลตามคำสั่งของแพทย์อย่างเคร่งครัด ไม่ซื้อยามาทานเอง ไม่ปรับขนาดยาเอง และไม่ใช้ยาโดยไม่จำเป็น เพราะอาจทำให้เกิดการเสพติด เมื่อหยุดยาอย่างกะทันหันจะทำให้เกิดอาการถอนยาทรามาดอลได้ โดยส่วนใหญ่จะมีอาการวิตกกังวล กระสับกระส่าย นอนไม่หลับ กล้ามเนื้อหดเกร็ง ปวดท้อง ปวดกระดูก ท้องเสีย ในขณะที่บางรายอาจมีอาการตื่นตระหนก ประสาทหลอน หวาดระแวง ซึมเศร้า แขนขาชา ขึ้นอยู่กับปริมาณยาและระยะเวลาที่เสพ
วิธีเลิกทรามาดอลจึงไม่ควรหยุดยาทันที เพราะอาจทำให้เกิดอาการลงแดงได้ แต่ต้องค่อยๆ ลดปริมาณลง เพื่อให้ร่างกายปรับตัวจนหยุดยาได้ ในกรณีที่ผู้ใช้ไม่สามารถเลิกยาทรามาดอลได้ด้วยตนเอง ควรเข้ารับการบำบัดรักษาในศูนย์บำบัดยาเสพติดที่มีทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญให้การดูแลอย่างใกล้ชิด จะช่วยให้สามารถหยุดยาได้อย่างปลอดภัยและยั่งยืน
ทุกอย่างบนโลกนี้ล้วนมีทั้งคุณและโทษ อยู่ที่เราจะเลือกนำมาใช้อย่างไร ยาทรามาดอลก็เช่นกัน ถ้านำมาใช้อย่างถูกวิธีก็จะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดได้หลายโรค แต่ถ้าใช้เกินขนาด หรือนำมาใช้เป็นยาเสพติดก็อาจทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิต เพราะฉะนั้นหากคุณหรือคนใกล้ตัวกำลังเผชิญกับการติดทรามาดอล และอยากเลิกอย่างปลอดภัย ควรเลือกศูนย์บำบัดยาเสพติดที่ได้คุณภาพและวางใจได้ อย่าง “ศูนย์ฟื้นฟูไลท์เฮ้าส์” ที่พร้อมให้คำปรึกษา และมอบการฟื้นฟูภายใต้บรรยากาศที่อบอุ่น เป็นกันเอง ด้วยโปรแกรมบำบัดที่ออกแบบเฉพาะบุคคล โดยมีผู้เชี่ยวชาญและทีมสหวิชาชีพ อาทิ นักจิตวิทยา พยาบาลวิชาชีพ นักสังคมสงเคราะห์ คอยดูแลตลอด 24 ชม.
Lighthouse Human Services & Consulting, Co., Ltd.
Head Office:
Ramkamheng 118
Saphan Sung, Bangkok 10240
Thailand