ยาแก้ไอที่คุณซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป อาจกลายเป็นอันตรายได้หากใช้ในทางที่ผิด หลายคนคงไม่คิดว่ายาที่ใช้บรรเทาอาการไอธรรมดาจะกลายเป็นประตูสู่การเสพติดได้ แต่นั่นคือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับวัยรุ่นและเยาวชนในปัจจุบัน
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แพทย์และผู้เชี่ยวชาญด้านสารเสพติดเริ่มสังเกตเห็นแนวโน้มที่น่ากังวล มีเยาวชนจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ที่เข้ารับการรักษาจากการใช้ยาแก้ไอในทางที่ผิด บางรายซื้อยาแก้ไอหลายสิบขวดในคครั้งเดียว บางรายต้องเข้าห้องฉุกเฉินจากอาการแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นหลังเสพยาในปริมาณสูง และที่น่าเศร้าคือมีรายงานการเสียชีวิตจากการใช้ยาชนิดนี้มากเกินขนาดเพิ่มขึ้นด้วย
วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับ Dextromethorphan หรือที่หลายคนเรียกสั้นๆ ว่า “เดกซ์โทร” ซึ่งเป็นตัวยาหลักในยาแก้ไอหลายยี่ห้อ แต่กลับถูกนำไปใช้ในทางที่ผิดจนกลายเป็นปัญหาสารเสพติดชนิดใหม่ที่น่าเป็นห่วง เราจะมาเข้าใจกันว่ายานี้คืออะไร ทำงานอย่างไร ทำไมจึงกลายเป็นยาเสพติด และที่สำคัญคือเราจะป้องกันและช่วยเหลือผู้ที่ประสบปัญหานี้ได้อย่างไร

Dextromethorphan อ่านว่า เดกซ์โทรเมทอร์แฟน คือยาแก้ไอชนิดหนึ่งที่ใช้กันอย่างแพร่หลายทั่วโลก โดยเฉพาะในยาแก้ไอที่ขายได้โดยไม่ต้องมีใบสั่งแพทย์ ตัวยานี้ถูกพัฒนาขึ้นในช่วงทศวรรษ 1950 เพื่อใช้เป็นทางเลือกที่ปลอดภัยกว่ายาแก้ไอที่มีส่วนผสมของสารเสพติด
Dextromethorphan กลไกการออกฤทธิ์นั้นค่อนข้างน่าสนใจ ตัวยาจะทำงานโดยไปยับยั้งศูนย์กลางควบคุมการไอในสมอง ซึ่งอยู่ที่ medulla oblongata ทำให้ลดความรู้สึกอยากไอลงได้ นอกจากนี้ยังมีฤทธิ์ต่อตัวรับในสมองหลายชนิด โดยเฉพาะ NMDA receptor ซึ่งเป็นจุดสำคัญที่ทำให้เกิดผลข้างเคียงเมื่อใช้ในปริมาณสูง
ยา dextromethorphan มักพบในรูปแบบต่างๆ ทั้งน้ำเชื่อม แคปซูล และเม็ด ยี่ห้อที่คุ้นหูในเมืองไทย เช่น ยาแก้ไอที่มีชื่อลงท้ายว่า DM (ย่อมาจาก Dextromethorphan) หรือที่วัยรุ่นมักเรียกกันว่า “ยาเดกซ์โทร” ยานี้เมื่อใช้ตามขนาดที่แนะนำจะปลอดภัยและมีประสิทธิภาพแก้ไอได้ดี

วิธีกิน Dextromethorphan ที่ถูกต้องนั้นควรปฏิบัติตามคำแนะนำบนฉลากยาอย่างเคร่งครัด สำหรับผู้ใหญ่ ขนาดที่แนะนำโดยทั่วไปคือ 10-20 มิลลิกรัมทุก 4 ชั่วโมง หรือ 30 มิลลิกรัมทุก 6-8 ชั่วโมง ไม่ควรเกิน 120 มิลลิกรัมต่อวัน
สำหรับยาเม็ด dextromethorphan ควรกลืนทั้งเม็ดพร้อมน้ำ ไม่ควรบดหรือเคี้ยว หากเป็นน้ำเชื่อมควรวัดปริมาณด้วยถ้วยหรือช้อนตวงที่มาพร้อมยา ไม่ใช้ช้อนกินข้าวทั่วไปเพราะอาจได้ขนาดไม่ถูกต้อง การใช้ยาควรทำหลังอาหารเพื่อลดการระคายเคืองกระเพาะ และไม่ควรใช้ติดต่อกันเกิน 7 วัน หากอาการไม่ดีขึ้นควรพบแพทย์
สิ่งสำคัญคือต้องอ่านฉลากยาทุกครั้งเพราะยาแก้ไอบางยี่ห้อมีส่วนผสมของยาชนิดอื่นด้วย การรับประทานยาหลายชนิดพร้อมกันอาจทำให้ได้รับสารบางอย่างเกินขนาด

ปัญหาเริ่มต้นขึ้นเมื่อมีคนค้นพบว่าการใช้ยาแก้ไอ dextro ในปริมาณที่สูงเกินขนาดรักษาจะทำให้เกิดอาการเมายาแก้ไอหรือสภาวะที่เรียกว่า “dextromethorphan high” ซึ่งคล้ายกับการเมายาเสพติดบางชนิด
เมื่อรับประทาน dextromethorphan ในปริมาณสูง (มักเป็น 5-10 เท่าของขนาดรักษา) จะเกิดอาการหลายระดับตามปริมาณที่ใช้ ในระดับต่ำอาจรู้สึกเพลิน มีพลังงาน และรู้สึกเหมือนแยกตัวจากร่างกายเล็กน้อย เมื่อเพิ่มขนาดขึ้นจะเกิดอาการประสาทหลอน มองเห็นภาพหรือได้ยินเสียงที่ไม่มีจริง รู้สึกเหมือนลอยตัว และสูญเสียการรับรู้เวลาและพื้นที่
เหตุผลที่วัยรุ่นหันมาใช้ dextromethorphan เพื่อเสพติดมีหลายประการ ได้แก่ หาซื้อง่ายจากร้านขายยาทั่วไป ราคาถูก และมีความเข้าใจผิดว่าเป็น “ยา” จึงปลอดภัยกว่ายาเสพติดชนิดอื่น ซึ่งเป็นความคิดที่อันตรายมาก
ที่น่าเป็นห่วงคือ dextromethorphan ไม่ใช่ยาทั่วไปชนิดเดียวที่ถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด ยังมียาอื่นๆ ที่กำลังเป็นปัญหาในกลุ่มวัยรุ่นเช่นกัน อาทิ ยาจิตเวช B5 หรือ ยาแก้ปวดทรามาดอล ที่ถูกนำมาใช้เพื่อสร้างความรู้สึกเมาและผ่อนคลาย แม้จะต้องมีใบสั่งแพทย์แต่ก็มีการหลุดออกมาในตลาดมืด ส่วนเฟนทานิลนั้นอันตรายมากกว่ามาก เป็นยาแก้ปวดที่มีฤทธิ์แรงกว่ามอร์ฟีนหลายสิบเท่า เพียงปริมาณเล็กน้อยก็สามารถทำให้เสียชีวิตได้ ซึ่งกำลังเป็นปัญหาใหญ่ในหลายประเทศทั่วโลก
การใช้ Dextromethorphan ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นแม้ใช้ในขนาดปกติ ได้แก่ ง่วงนอน เวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน ท้องผูก และปากแห้ง อาการเหล่านี้มักไม่รุนแรงและหายไปเองเมื่อหยุดยา
แต่เมื่อใช้ในปริมาณสูง ผสมแอลกอฮอล์ หรือผสมยาแก้ปวดเพื่อเสพติด อาการที่เกิดขึ้นจะรุนแรงมากขึ้น เช่น หัวใจเต้นเร็ว ความดันโลหิตสูง มีไข้ ตาพร่า กล้ามเนื้อกระตุก ชักเกร็ง หายใจลำบาก สับสน และอาจถึงขั้นโคม่าหรือเสียชีวิตได้ในกรณีที่ใช้ขนาดสูงมาก
ผลกระทบระยะยาวจากการใช้ dextromethorphan ในทางที่ผิดอย่างต่อเนื่องอาจทำให้สมองเสื่อม มีปัญหาด้านความจำและการเรียนรู้ เกิดภาวะซึมเศร้า และเสียสุขภาพจิตอย่างถาวร นอกจากนี้ยังเกิดการเสพติดทั้งทางร่างกายและจิตใจ ทำให้ต้องใช้ยาในปริมาณที่มากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อให้ได้รู้สึกเหมือนเดิม
สิ่งที่น่ากังวลอย่างมากคือ ยาแก้ไอหลายยี่ห้อมีส่วนผสมของยาชนิดอื่นด้วย เช่น พาราเซตามอล หรือยาแก้แพ้ การใช้ยาเหล่านี้ในปริมาณสูงอาจทำให้ตับวาย หรือเกิดอาการรุนแรงจากยาตัวอื่นที่กินเข้าไปด้วย

ผู้ปกครองและคนใกล้ชิดควรสังเกตสัญญาณที่อาจบ่งบอกว่ามีการใช้ dextromethorphan ในทางที่ผิด เช่น การซื้อยาแก้ไอบ่อยครั้งโดยไม่มีอาการไอ การปกปิดซ่อนยา พบขวดยาแก้ไอว่างเปล่าในห้องหรือกระเป๋า มีพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน เช่น หงุดหงิดง่าย หรือสงบผิดปกติ
อาการที่อาจสังเกตได้ในขณะที่เสพหรือหลังเสพ ได้แก่ ม่านตาขยาย พูดไม่ชัด เดินเซ มีอาการคลื่นไส้อาเจียน ตัวร้อน เหงือกแดง หรือมีพฤติกรรมแปลกๆ เช่น มองเห็นหรือได้ยินสิ่งที่ไม่มีจริง การสังเกตและเข้าใจอาการเหล่านี้จะช่วยให้สามารถเข้าช่วยเหลือได้ทันท่วงที
สิ่งที่ทำให้สถานการณ์ซับซ้อนยิ่งขึ้นคือผู้ที่เสพ dextromethorphan มักจะใช้ร่วมกับยาชนิดอื่นพร้อมกันเพื่อเพิ่มความตื่นตัวและต่อต้านอาการง่วง หรือหันไปใช้ยาเสพติดอีกชนิดที่ระบาดในกลุ่มวัยรุ่นอย่างพอตเคเพื่อเพิ่มความรู้สึกเมาและผ่อนคลาย การใช้ยาหลายชนิดพร้อมกันนี้ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงอันตรายหลายเท่าตัว เพราะอาจเกิดปฏิกิริยาระหว่างยาที่คาดเดาไม่ได้ และอาจนำไปสู่อาการแทรกซ้อนที่รุนแรงจนถึงขั้นเสียชีวิตได้

การรักษาผู้ที่ติด dextromethorphan ต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายฝ่าย ทั้งตัวผู้ป่วย ครอบครัว และทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ขั้นตอนแรกคือการยอมรับว่ามีปัญหาและต้องการความช่วยเหลือ
ในระยะแรกของการรักษาอาจมีอาการถอนยา เช่น หงุดหงิด วิตกกังวล นอนไม่หลับ ปวดเมื่อยตามตัว และอยากใช้ยาอย่างมาก แพทย์อาจให้ยาช่วยบรรเทาอาการเหล่านี้และดูแลสุขภาพกายให้แข็งแรงก่อน
การบำบัดทางจิตใจมีความสำคัญมากในการรักษา การพูดคุยกับนักจิตวิทยาหรือจิตแพทย์จะช่วยให้เข้าใจสาเหตุของการใช้ยา เรียนรู้วิธีจัดการกับความเครียดและอารมณ์ในทางที่ถูกต้อง และสร้างแรงจูงใจในการเลิกยา การบำบัดแบบกลุ่มก็มีประโยชน์เพราะได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์และให้กำลังใจซึ่งกันและกัน
ที่ไลท์เฮ้าส์ สถานบําบัดยาเสพติดเอกชน กินนอน เรามีโปรแกรมการรักษาที่ครอบคลุมและเหมาะกับแต่ละบุคคล ทีมงานของเราประกอบด้วยแพทย์ นักจิตวิทยา และที่ปรึกษาที่มีประสบการณ์ พร้อมดูแลผู้ป่วยด้วยความเข้าใจและไม่ตัดสิน เราเชื่อว่าทุกคนสามารถกลับมาใช้ชีวิตปกติได้หากได้รับการช่วยเหลือที่เหมาะสม
ครอบครัวมีบทบาทสำคัญในการป้องกันปัญหาการใช้ยาในทางที่ผิด การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างพ่อแม่กับลูก การเปิดใจรับฟังและพูดคุยอย่างไม่ตัดสิน จะทำให้เด็กและวัยรุ่นกล้าที่จะปรึกษาเมื่อมีปัญหา
การให้ความรู้เกี่ยวกับอันตรายของยาเสพติดและการใช้ยาในทางที่ผิดควรทำตั้งแต่เนิ่นๆ โดยใช้ภาษาที่เหมาะกับวัย ไม่ข่มขู่หรือพูดเกินจริง แต่ให้ข้อมูลที่ถูกต้องและเปิดโอกาสให้ถามตอบ ผู้ปกครองควรเป็นแบบอย่างที่ดีในการใช้ยาอย่างถูกต้อง เช่น ไม่เก็บยาเกินจำเนื่อง อ่านฉลากยาทุกครั้ง และไม่แบ่งยาให้ผู้อื่น
เมื่อพบว่าคนในครอบครัวมีปัญหาการใช้ยาในทางที่ผิด สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจว่าการบำบัดยาเสพติดต้องอาศัยความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ การพาคนที่รักไปรับการบำบัดยาเสพติดไม่ใช่เรื่องน่าอาย แต่เป็นการแสดงความรักและห่วงใยอย่างแท้จริง ครอบครัวควรเลือกสถานบำบัดที่มีมาตรฐาน มีทีมแพทย์และนักจิตวิทยาที่มีประสบการณ์ และมีโปรแกรมการรักษาที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล
การสนับสนุนจากครอบครัวตลอดระยะเวลาการบำบัดมีความสำคัญอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการเข้าร่วมโปรแกรมให้คำปรึกษาสำหรับครอบครัว การเยี่ยมเยียนอย่างสม่ำเสมอ และการสร้างบรรยากาศที่อบอุ่นให้ผู้ป่วยรู้สึกว่าไม่ได้ถูกทอดทิ้ง หลังจากออกจากสถานบำบัดแล้ว ครอบครัวยังต้องช่วยดูแลไม่ให้กลับไปใช้ยาซ้ำ โดยการสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย หลีกเลี่ยงสถานการณ์หรือบุคคลที่อาจเป็นตัวกระตุ้น และให้กำลังใจอย่างต่อเนื่อง
โรงเรียนและชุมชนก็มีส่วนสำคัญในการสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย การจัดกิจกรรมที่สร้างสรรค์ให้เด็กและเยาวชนมีที่ระบายพลังงานและพัฒนาตนเองจะช่วยลดความเสี่ยงในการหันไปใช้ยาเสพติด การมีเพื่อนและกลุ่มที่เป็นบวกก็เป็นปัจจัยป้องกันที่สำคัญ ชุมชนควรเปิดกว้างและให้การสนับสนุนผู้ที่กำลังฟื้นฟูจากปัญหายาเสพติด ไม่ตีตรา ไม่แบ่งแยก เพื่อให้พวกเขามีโอกาสกลับมาเป็นส่วนหนึ่งของสังคมอย่างเต็มที่

หากคุณหรือคนที่คุณรักกำลังประสบปัญหาการติดยาหรือสารเสพติดใดๆ อย่าลังเลที่จะขอความช่วยเหลือ ที่ไลท์เฮ้าส์ เรายินดีให้คำปรึกษาและช่วยเหลือด้วยความเข้าใจและเป็นมิตร การขอความช่วยเหลือไม่ใช่เรื่องน่าอาย แต่เป็นก้าวแรกที่กล้าหาญในการเปลี่ยนแปลงชีวิตให้ดีขึ้น คุณไม่ได้ต่อสู้กับปัญหานี้คนเดียว และเราพร้อมเดินไปกับคุณในทุกขั้นตอนของการฟื้นฟูสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมหรือการนัดหมายปรึกษา สามารถติดต่อเราได้เลยตอนนี้ เพราะทุกชีวิตมีคุณค่าและสมควรได้รับโอกาสในการเริ่มต้นใหม่
Lighthouse Human Services & Consulting, Co., Ltd.
Head Office:
Ramkamheng 118
Saphan Sung, Bangkok 10240
Thailand