เคตามีน

ยาเค เคนมผง Special K ไม่ว่าจะเรียกขานด้วยชื่อใดก็ตามแต่ ก็ไม่อาจสลัดภาพจำของการเป็นยาเสพติดอันตรายที่มีชื่อเดิมว่า ‘เคตามีน’ ลงได้ ไม่ได้เป็นแค่ตำนาน แต่ยังเป็นความจริงที่ยังหายใจอยู่ ความจริงที่หากได้สัมผัส กินดื่มหรือ สูบดมเพียงสักครั้ง ย่อมหมายถึงการนับถอยหลังสู่จุดจบของชีวิต

รู้จักกับ ‘เคตามีน’

เคตามีน (Ketamine) หรืออีกชื่อคือ ‘ยาเค’ เป็นได้ทั้งยาสลบทางการแพทย์สำหรับใช้ระงับปวดและยาเสพติดออกฤทธิ์หลอนประสาทที่เมื่อเสพเข้าไปจะรู้สึกมึนงง สติเลื่อนลอยคล้ายตกอยู่ในภวังค์ เห็นภาพหลอน เมื่อเสพในปริมาณมากจะส่งผลให้หัวใจเต้นเร็วกว่าปรกติและเกิดโรคทางจิตเวชอื่นตามมา

เคตามีน

กลไกการออกฤทธิ์ของเคตามีน

หากใช้เคตามีนในปริมาณที่สูงจะเกิดผลเสียในระยะยาวทั้งร่างกายและจิตใจ ดังนี้

ผลต่อสมองและสภาวะทางจิต

เคตามีนสามารถเข้าแทรงแซงหรือทำลายสมองด้านความจำ การเรียนรู้ อารมณ์ และความรู้สึกผ่านการยับยั้ง N-methyl-D-aspartate receptor ตัวรับสารสื่อประสาท NMDA ซึ่งมีส่วนสำคัญคอยรับกระตุ้นประสาทให้ทำงานประสานกันได้ดั่งเช่นปรกติ เกิดเป็นลักษณะอาการหรือพฤติกรรมที่ผิดแปลกจากเดิม ซึ่งแตกต่างจากยาหลอนประสาท (Psychedelic drug) ตัวอื่น ไม่ว่าจะเป็น

เคตามีน)

สถานะของเคตามีนในทางกฎหมาย

ปัจจุบันเคตามีนมีสถานะเป็นวัตถุเสพติดให้โทษประเภทที่ 2 ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2561 ซึ่งต้องอยู่ภายใต้การหยิบใช้รักษาจากแพทย์เท่านั้น หากนอกเหนือจากการใช้ดังกล่าวจะผิดกฎหมายตามบัญญัติโทษที่กำหนดไว้

อันตรายอื่นที่ควรรู้และเฝ้าระวัง

อยู่ในร่างกายนานเท่าไหร่

งานวิจัยทดสอบประสิทธิภาพและความปลอดภัยด้านการใช้เคตามีนประกอบการรักษาจากสมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทยได้ให้ข้อมูลว่าเคตามีนจะออกฤทธิ์ยาวนานถึง 30 นาที ร่วมกับให้ผลข้างเคียงยาวนานตั้งแต่ 80 – 100 นาที โดยแบ่งผลข้างเคียงออกเป็น 2 ระยะ (วนิดา รัตนสุมาวงศ์, พิชัย อิฎฐสกุล, น.181)

เคตามีน

เคตามีนกับการใช้รักษาโรคซึมเศร้า

เราทุกคนล้วนผ่านความมืดมนของชีวิต หากแต่เราเป็นประภาคารต้นหนึ่งที่สามารถส่องสว่างนำพาคุณให้ผ่านพ้นเวิ้งทะเลชีวิตอันเลวร้ายให้จบลงได้ ศูนย์ฟื้นฟูไลท์เฮ้าส์พร้อมมอบโอกาสชีวิตแก่ผู้ป่วยติดยาเสพติดด้วยวิถีจิตบำบัดแบบผสมผสานระหว่าง Art & Science แบบร่วมสมัยเพื่อฟื้นคืนชีวิตผู้ป่วย ให้สามารถกลับสู่สังคมได้ปรกติสุขแหล่งอ้างอิง

แหล่งอ้างอิง

ภาษาไทย

สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กรมควบคุมวัตถุเสพติด

https://mnfda.fda.moph.go.th/narcotic/?p=5993

พฤติกรรม Stereotype (สถาบันราชานุกูล)

http://rajanukul.go.th/new/_admin/download/review0001164.pdf

กัญชา ผลเสีย

แม้ว่ากฎหมายไทยจะปลดล็อคให้ใช้กัญชาได้ทั้งด้านการแพทย์และการบริโภคในปัจจุบัน ทว่าสิ่งที่เรียกว่า ‘กัญชา’ ก็ยังคงเป็นสิ่งอันตรายที่หากไม่รู้เท่าทันและใช้มันอย่างถูกวิธี ไม่ว่าจะอยู่ในฐานะของยาสมุนไพรหรือยาเสพติดก็ล้วนมีเส้นกั้นบางเกินกว่าที่หลายคนจะทันรู้สึก ไม่ใช่แค่ความอยากรู้อยากลอง แต่เป็นเพราะชีวิตที่ไร้หนทางจนต้องใช้มันเพื่อลบเลือนความเจ็บปวด ซึ่ง ณ จุดนี้ ‘วัยรุ่น’ ดูจะเป็นกลุ่มที่น่าเป็นห่วงที่สุด บทความนี้จะคุณรู้จักถึงผลเสียของกัญชาให้มากขึ้น

‘กัญชา’ จัดเป็นหนึ่งในยาหลอนประสาท

จากสมุนไพรรักษาสู่ยาเสพติด จากยาเสพติดสู่ยาทางแพทย์             กัญชาไม่ได้เป็นเพียงพืชสรรพคุณช่วยให้ผู้เสพรู้สึกผ่อนคลาย แต่ยังจัดเป็นยาหลอนประสาท (Psychedelic Drug หรือ Hallucinogens) ชนิดหนึ่งเฉกเช่นเดียวกับ LSD, Dimenthyltryptamine (DMT) และอื่น ๆ ซึ่งเปลี่ยนแปลงกระบวนการคิดและการรับรู้ทางประสาทจากการได้ยินเสียงและเห็นภาพที่บิดเบือนจากความเป็นจริงอย่างรุนแรง หรือเปิดจิตเข้าสู่โลกไม่คาดฝันอีกใบหนึ่งจนทำให้ผู้ใช้เกิดหลงผิด เช่น อยู่ในแฟนตาซี

ยาหลอนประสาททำงานอย่างไร

เริ่มต้นเมื่อสารจากยาหลอนประสาทเข้าสู่ร่างกายจะเกิดการขัดขวางการสื่อสารกันระหว่างสารสื่อประสาทที่เรียกว่า ‘เซราโทนิน’ (Serotonin) ซึ่งคอยควบคุมด้านความหิว การนอนหลับ อารมณ์ อุณหภูมิภายในร่างกาย และประสาทรับสัมผัส

โดยหากเสพยาหลอนประสาทเข้าไปจะส่งผลให้ผู้เสพเกิดอาการอื่นร่วมด้วย ไม่ว่าจะเป็น

นอกจากจะทำให้เกิดอาการหลอนแล้ว ยังเป็นสิ่งเสพติดซึ่งกระตุ้นผู้ใช้ให้เกิดอาการอยากเสพเพิ่มยิ่งขึ้น ซึ่งในกรณีของกัญชาจะมีสรรพเฉพาะที่เรียกอาการของคนติดยาว่า Cannabis Use Disorder (CUD) ซึ่งหากเลิกก็จะหยุดยากและอันตรายอย่างมากหากไม่ได้อยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์และนักจิตบำบัด

กัญชา ผลเสีย

กัญชาส่งผลเสียต่อสมองของวัยรุ่นอย่างไรบ้าง

จากงานวิจัยด้านสุขภาพหลายชิ้นร่วมกับสถาบันวิจัยยาเสพติดแห่งชาติ (NIDA: The National Institute For Drug Abuse) สหรัฐอเมริกาได้เผยว่าการใช้กัญชาไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกายเท่านั้น แต่ยังส่งผลสุขภาพจิตให้เสื่อมถอยก่อนวัย โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นที่สมองต่อความสามารถด้านการเรียนรู้ ความทรงจำและสมดุลทางอารมณ์กำลังเจริญเติบโตอย่างก้าวกระโดด

            แน่นอนว่าการใช้กัญชาในปริมาณสูงย่อมให้ผลเสียที่ไม่เพียงแต่ทำให้เห็นภาพหลอน แต่ยังรวมไปถึงการรับรู้ทางประสาทที่เปลี่ยนไป การเข้าใจผิด ความจำบกพร่อง และอาการวิกลจริต (Psychosis) หากไม่ได้การบำบัดรักษาตั้งแต่เนิ่น ปัญหาดังกล่าวอาจบานปลายกลายเป็นโรคทางจิตเวชและปัญหาสังคมในวงกว้าง

Lighthouse พร้อมเป็นประภาคารส่องสว่างนำทางชีวิตไปพร้อมคุณ

ศูนย์ฟื้นฟูไลท์เฮ้าส์พร้อมมอบโอกาสชีวิตผ่านวิถีบำบัดและฟื้นฟูที่มีประสิทธิภาพแก่ผู้ป่วยติดยาเสพติดจากนักจิตบำบัดชำนาญการด้านสุขภาพจิตยาวนานกว่า 20 ปี พร้อมด้วยพยาบาลวิชาชีพและนักสังคมสงเคราะห์ร่วมช่วยสร้างสภาพแวดล้อมปลอดโปร่งสบายและเป็นส่วนตัวเสมือนอยู่บ้าน ภายใต้การควบคุมของกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข

แหล่งอ้างอิง

https://nida.nih.gov/publications/drugfacts/cannabis-marijuana

https://www.verywellmind.com/types-of-psychedelic-drug-22073

https://www.cdc.gov/marijuana/health-effects/addiction.html

https://my.clevelandclinic.org/health/articles/6734-hallucinogens-lsd-peyote-psilocybin-and-pcp

การใช้สารเสพติดเป็นเรื่องที่พบได้ทั่วไปในประเทศไทย แต่น่าเสียดายที่หลายคนไม่ได้รับการรักษาที่พวกเขาต้องการ ในปี 2016 ประชากรประมาณ 1.3 ล้านคนต้องได้รับการรักษา และผู้เสพติด 250,000 คนถูกตัดสินจำคุก อิงตามเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขประจำประเทศไทย

ทำไมบางคนถึงเลือกการ “หักดิบ”

ทำไมถึงเลือกการหักดิบ? บางคนใช้การหักดิบเพราะพวกเขาเชื่อว่ามันง่ายกว่าที่จะหยุดใช้ยาทันที พวกเขาอาจคิดว่าถ้าพวกเขาหยุดใช้ยากระทันหัน พวกเขาจะรู้สึกอยากใช้มันอีกน้อยลงในขณะที่เลิกยา

ความเชื่อว่าจิตใจที่เข้มแข็งคือสิ่งเดียวที่จำเป็นในการเอาชนะการเสพติด

เหตุผลหนึ่งที่ว่าทำไมผู้ใช้สารเสพติดเลือกที่จะหักดิบนั้นเพราะว่าพวกเขาเชื่อว่าพวกเขาสามารถเลิกยาได้ด้วยตัวเองถ้าพวกเขามีความตั้งมั่นมากพอ น่าเสียดายที่นั้นไม่ใช่เรื่องจริง การติดยาเป็นโรคเรื้อรังที่ต้องใช้การรักษาแบบมืออาชีพ เหมือนอย่างที่คุณไม่สามารถรักษามะเร็งได้ด้วยตัวคุณเอง คุณไม่ควรพยายามรักษาอาการติดยาด้วยตัวคุณเอง

ต้องการเก็บการเสพติดเป็นความลับ

อีกเหตุผลที่ผู้ใช้สารเสพติดบางคนเลือกที่จะหักดิบเพราะพวกเขาต้องการเก็บอาการติดยาไว้เป็นความลับ พวกเขาอาจอายในอาการติดยาและไม่อยากให้ใครรู้เกี่ยวกับมัน หรือพวกเขาอาจกลัวถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นถ้าครอบครัวและเพื่อนๆของพวกเขาทราบ อย่างไรก็ตาม การพยายามเลิกด้วยตัวเองอาจจะยากเมื่อคุณพยายามรักษาอาการติดยาไว้เป็นความลับ

เคยเข้าสถานบำบัดยาเสพติดมาก่อน แต่ก็กลับมาเสพติดอีก

สุดท้ายแล้ว ผู้ใช้สารเสพติดบางคนเลือกที่จะหักดิบเพราะพวกเขาได้ลองเข้าศูนย์บำบัดยาเสพติดแล้ว แต่มันไม่ได้ผล บางทีพวกเขาอาจจะไม่ชอบโครงการหรือมันอาจจะแพงเกินไปหรือมันได้ผลแต่พวกเขากลับไปใช้ยาอีกในภภายหลัง ไม่ว่าเป็นเหตุผลใดก็ตาม พวกเขาอาจรู้สึกเหมือนกับว่าไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากการพยายามเลิกด้วยตัวพวกเขาเอง

อันตรายของการถอนพิษสิ่งเสพติด

การบำบัดจากยาเสพติดและแอลกอฮอล์สามารถเกิดขึ้นได้ในหลายสถานการณ์ และในขณะที่การพยายามทำที่บ้านอาจเป็นเรื่องที่น่าดึงดูดใจ การรักษาภายใต้การดูแลของแพทย์สามารถช่วยลดอาการลงแดงที่ไม่พึงประสงค์และจัดการกับอาการแทรกซ้อนจากการลงแดงที่เกิดขึ้นได้ ทำให้คนๆนั้นปลอดภัยและรู้สึกสบายที่สุดระหว่างการรักษา

อาการเสพติดมักส่งผลทางกายภาพ ดังนั้นเพื่อต่อต้านอาการติดยาเสพติดและแอลกอฮอล์ บุคคลนั้นๆต้องพึ่งพาตัวเองและผ่านพ้นการเลิกยาอย่างฉับพลันได้อย่างปลอดภัย

การถอนพิษยาเค

การใช้เคตามีนเกินขนาดสามารถนำไปสู่การติดยาได้อย่างรวดเร็ว เมื่อความทนทานต่อเคตามีนเพิ่มขึ้น ปริมาณและความถี่ในการใช้ยาก็มากขึ้นจนถึงขั้นเสพติดได้ เมื่อคนติดยาหยุดการใช้ยา อาการลงแดงจะกำเริบ

อาการลงแดงเกิดขึ้นเพรีตามีนไปเปลี่ยนแปลง โอปิออยด์ รีเซพเตอร์ ในสมอง อาการลงแดงทางจิตวิทยาอาจเป็นอันตราย บางทีสิ่งที่เป็นอันตรายที่สุดคือภาวะซึมเศร้าที่รุนแรง ซึ่งสามารถนำไปสู่ความเสี่ยงในการคิดสั้น

อาการลงแดงเคตามีน

อาการลงแดงเคตามีนเป็นหลักในธรรมชาติ ผู้ใช้เรื้อรังบางคนถูกรายงานว่ามีอาการลงแดงทางกายภาพ แต่สิ่งเหล่านี้ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ อาการลงแดงจากเคตามีนทั่วไปคือ:

ระหว่างกระบวนการเลิกยา ผู้ใช้จะไม่สามารถควบคุมอารมณ์และอาจต้องแยกอยู่คนเดียวเพื่อป้องกันผู้อื่น แนะนำให้มีการดูแลอย่างมืออาชีพในการเลิกใช้เคตามีนอย่างปลอดภัย กระบวนการรักษาและเลิกยาที่ได้รับการควบคุมมากขึ้น

การถอนพิษสุรา

ถ้าคุณดื่มแอลกอฮอล์อย่างหนักเป็นอาทิตย์ เป็นเดือน หรือเป็นปี คุณอาจมีทั้งปัญหาทางจิตใจและร่างกายเมื่อคุณหยุดหรือลดปริมาณที่คุณดื่มอย่างจริงจัง นี้เรียกว่าการเลิกเหล้า อาการอาจมีตั้งแต่เล็กน้อยไปจนถึงรุนแรง ถ้าคุณดื่มนานๆครั้ง มันเป็นไปได้น้อยที่คุณจะมีอาการลงแดงเมื่อคุณเลิกดื่ม แต่ถ้าคุณผ่านกระบวนการเลิกเหล้าแล้วครั้งหนึ่ง มีความเป็นไปได้มากที่คุณจะมีอาการเช่นนั้นอีกเมื่อคุณพยายามเลิกอีกครั้ง

อาการลงแดงจากเหล้า

การถอนพิษยาเมทแอมเฟตามีน (ยาไอซ์ ยาบ้า)

อาการลงแดงจากการหักดิบอาจรวมไปถึง:

อาการลงแดงหลังการหักดิบและการเรื้อรังอาจรวมไปถึง:

ความต้องการอาจรุนแรงและเป็นเรื่องที่ท้าทายมากระหว่างการเลิกยา มันมักนำไปสุ่การกลับไปใช้ยาหรืออาการกำเริบ

การถอนพิษโคเคน

การเลิกโคเคนอาจแตกต่างกันไปตามความรุนแรงของแต่ละบุคคลขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ แม้ว่าโดยทั่วไป อาการเลิกยาแบบกระตุ้นจะค่อนข้างรุนแรงน้อยกว่าอาการที่เกิดจากสารอื่นๆอย่างแอลกอฮอล์หรือฝิ่น ประสบการณ์การเลิกยาอาจแตกต่างกันไป และในบางกรณี อาจต้องได้รับการดูแลจากแพทย์อย่างใกล้ชิด

โคเคนเป็นสารเสพติด โดยการใช้โคเคนเป็นประจำ บางคนอาจมีการพึ่งพาทางสรีรวิทยาทางร่างกายและมีอาการเลิกยาที่เกี่ยวข้องหากพวกเขาพยายามเลิกใช้โคเคน

อาการลงแดงจากโคเคน

การถอนพิษเฮโรอีน

การเลิกใช้เฮโรอีนสามารถเกิดขึ้นได้ภายในไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่คนๆหนึ่งพึ่งใช้เฮโรอีนครั้งล่าสุดไป โดยปกติแล้ว การเลิกเฮโรอีนเกินขึ้นในระยะเวลา 8 ถึง 24 ชั่วโมงหลังจากที่คนๆหนึ่งใช้ไปครั้งล่าสุด อย่างไรก็ตาม โดยเฉพาะเมื่อใช้ อาการลงแดงจากเฮโรอีนระยะสั้นสามารถแตกต่างกันไปในแต่ละคน การเลิกใช้เฮโรอีนสามารถใช้เวลาตั้งแต่ 3 ถึง 10 วัน ระยะเวลาการเลิกใช้เฮโรอีนสามารถต่างกันไปขึ้นอยู่กับปัจจัยเช่น ความถี่ในการใช้เฮโรอีน ปริมาณการใช้เฮโรอีน และระยะเวลาที่ใช้เฮโรอีน ปัจจัยด้านบุคลิกและกรรมพันธุ์ของคนๆหนึ่งก็มีส่วนเช่นกัน รวมไปถึงสุขภาพของร่างกายและจิตใจในขณะนั้น และยาหรือสารอื่นๆที่พวกเขาใช้

อาการลงแดงระยะสั้นจากเฮโรอีน

อาการาลงแดงระยะสั้นจากเฮโรอีนนั้นน่าอึดอัดและน่าวิตกเป็นอย่างมาก ทำให้หลายคนกลับไปใช้เฮโรอีน สัญญาณและอาการลงแดงระยะสั้นจากเฮโรอีนอาจรวมไปถึง:

คุณตายจากการเลิกใช้เคตามีนได้ไหม

มันมักไม่มีเหตุการณ์ร้ายแรงทางกายภาพในขณะที่รักษาจากการใช้เคตามีน อย่างไรก็ตาม มีความเสี่ยงที่จะฆ่าตัวตายเนื่องจากอาการซึมเศร้ารุนแรงที่ผู้ใช้บางคนรู้สึกในขณะที่ทำการรักษา อีกความเสี่ยงหนึ่งคือการที่เคตามีนทำหน้าที่เป็นยากล่อมประสาทและเปลี่ยนอัตราการเต้นของหัวใจ ดังนั้นเมื่อเลิก อัตราการเต้นของหัวใจอาจเปลี่ยนไป สิ่งนี้สามารถเป็นอันตรายได้อย่างมาก

คุณตายจากการล้างพิษได้ไหม?

น่าอนาถที่ใช่ สำหรับคนที่มีความเสี่ยง อาการลงแดงจากเหล้าเป็นปัจจัยเสี่ยงในช่วงระยะเวลาการเลิกแอลกอฮอล์ อาการลงแดงจากเหล้าเป็นโรคลมชักที่ร้ายแรงที่สามารถเกิดขึ้นกับผู้คนที่เคยมีความผิดปกติของการใช้แอลกอฮอล์เป็นระยะเวลาสิบปีหรือมากกว่า ผู้คนที่เคยได้รับบาดเจ็บที่หัว การติดเชื้อ หรืออาการป่วยอื่นๆในขณะที่เลิกเหล้าก็มีความเสี่ยงที่จะมีอาการลงแดงจากเหล้าเช่นกัน

ปกติแล้ว อาการลงแดงจากเหล้าเกิดขึ้นในช่วงหลายวันแรกหลังจากที่คนๆหนึ่งดื่มเป็นครั้งสุดท้าย อย่างไรก็ตาม มันสามารถเกิดขึ้นได้นานสุดถึงสิบวันหลังจากการเลิก มันเป็นผลข้างเคียงที่คาดการณ์ไม่ได้

อะไรคืออาการลงแดงจากเหล้า?

การหกล้ม อาการชัก และภาวะหัวใจล้มเหลวอาจทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนร้ายแรงและถึงกับเสียชีวิตได้

คุณตายจากการเลิกใช้ยาบ้าได้ไหม

อาการลงแดงจากยาบ้าอาจน่าอึดอัดและไม่ราบรื่นอย่างรุนแรง แต่โดยทั่วไปแล้วจะไม่เป้นอันตรายถึงชีวิต ถ้าคุณหรือใครบางคนที่คุณห่วงใยใช้ยาและอยากที่จะเลิกยา คุณควรเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการเลิกยาบ้า การเลิกสามารถเป็นเรื่องท้าทาย แต่การรักษาเฉพาะทางๆการแพทย์สามารถช่วยคุณได้อย่างปลอดภัย และทนและผ่านพ้นกระบวนการเลิกยาได้สบายยิ่งขึ้น

คุณตายจากการเลิกโคเคนได้ไหม

แม้ว่าการเลิกใช้ยากระตุ้นมักไม่ค่อยมีอาการลงแดงที่รุนแรงนัก (หรือไม่มีผลอันตรายทางการแพทย์ต่อคนไข้) บางคนอาจเสี่ยงที่จะประสบกับอาการผิดปกติที่ทำให้ร่างกายทรุดโทรม (เช่น ภาวะซึมเศร้า ความคิดและความรู้สึกเชิงลบอย่างท่วมท้น) ในบางกรณี ในช่วงที่ซึมเศร้าอาจส่งผลให้มีความคิดหรือความพยายามที่จะฆ่าตัวตายได้ และสามารถนำไปสู่การกลับไปใช้โคเคนของผู้ป่วย

คุณตายจากการเลิกเฮโรอีนได้ไหม

แม้ว่าอาการลงแดงจากเฮโรอีนอย่างเดียวมักไม่เป็นอันตราย อาการระบบทางเดินอาหารที่เกิดจากการเลิกเฮโรอีน (เช่นท้องเสียและอาเจียร) สามารถนำไปสู่การเสียสมดุลของแร่ธาตุ ภาวะขาดน้ำ และอาการที่อันตรายถึงชีวิตอิงตามความเป็นไปได้ของผลกระทบเหล่านี้

ล้างพิษจากสารเสพติดและแอลกอฮอล์อย่างปลอดภัยได้อย่างไร

การล้างพิษที่บ้านหรือที่อื่นโดยปราศจากการจัดการการรักษาอย่างถูกต้องอาจไม่ปลอดภัยเพราะการต้องใช้สารบางประเภท ในบางกรณี และด้วยสารบางอย่าง (เช่นแอลกอฮอล์) การเลิกใช้อย่างฉับพลันโดยปราศจากการจัดการการักษาทางการแพทย์อาจเป็นเรื่องเสี่ยงได้

ในกรณีที่คุณมีอาการลงแดงและ/หรือความยุ่งยากที่รุนแรงอย่างต่อเนื่องโดยไม่มีการดูแลหรือความช่วยเหลือจากแพทย์ การล้างพิษที่บ้านอาจเป็นเรื่องอันตรายได้ ยกตัวอย่างเช่น การล้างพิษแอลกอฮอล์ที่ไม่มีการจัดการสามารถนำมาซึ่งอาการลงแดงอย่างการชักหรือการเพ้อที่สามารถนำไปสู่ความตายได้ นอกจากนี้ โอกาสที่จะกลับไปใช้ก็เพิ่มขึ้นด้วยถ้าคนๆนั้นประสบกับการเลิกที่ไม่น่าภิรมย์และไม่มีแผนการช่วยเหลือทางการ

เพื่อที่จะเริ่มการล้างพิษอย่างปลอดภัย อย่าลืมปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ ควรเป็นแพทย์ที่มีประสบการณ์การักษาอาการเสพติดหรือการจัดการการเลิกยา ผู้เชี่ยวชาญนี้สามารถให้การประเมินสถานะการณ์และความเสี่ยงของคุณอย่างละเอียด

ในการกำหนดแผนการรักษาที่เหมาะสมสำหรับคุณ เขาหรือเธออาจถามคำถามเกี่ยวกับ:

คำตอบของคุณสำหรับคำถามเหล่านี้สามารถช่วยในการประเมินระดับการรักษาที่เหมาะสมได้

ถอนพิษสารเสพติดอย่างปลอดภัย ศูนย์บำบัด ไลท์เฮ้าส์  ช่วยคุณได้

กระท่อมเป็นหนึ่งในพืชอีกชนิดที่เราหลายคนรู้จักกันดีในส่วนที่เป็นในด้านของ “ยาเสพติด” ชนิดหนึ่ง ที่ถูกขึ้นทะเบียนเป็นสารเสพติดมานานหลายปี จวบจนถึงปัจจุบันการแพทย์ได้มีความก้าวหน้าด้วยการค้นคว้าและวิจัย จนค้นพบว่าพืชอย่างกระท่อมนั้น มีสรรพคุณทางด้านการแพทย์อยู่มาก จนได้รับการนำมาพิจารณาให้ยกเลิกจากทะเบียน และนำมาใช้ในด้านการแพทย์กันมากขึ้น  แต่ยังต้องอยู่ภายใต้การกำกับและดูแลตามที่ พรบ. ระบุไว้ ด้วยความที่มีสรรพคุณทางการแพทย์มากขึ้น ดังนั้นจึงเป็นสิ่งที่ดีที่เราควรทำความรู้จักกับกระท่อมให้มากขึ้นด้วยเช่นกัน

ใบกระท่อม

กระท่อมเป็นไม้ยืนต้นที่มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า มิตราไจนา สเปซิโอซา คอร์ท (Mitragyna Speciosa Korth) จัดอยู่ในตระกูล รูเบียซีอี (Rubiaceae) นับเป็นพืชที่อยู่ในวงศ์ตระกูลของกาแฟ โดยในประเทศไทยมีอยู๋ทั้งหมด 3 พันธุ์ คือ แตงกวา (ก้านเขียว), ยักษาใหญ่ (รูปใบใหญ่) และก้านแดง ลำต้นจะมีความใหญ่  สูงประมาณ 10 – 15 เมตร ส่วนใบเป็นแบบเลี้ยงเดี่ยว ผลิใบแบบขึ้นตรงกันข้าม ถ้าใบแก่จะมีสีเขียวอ่อน ตัวก้านมีสีแดงกับเขียวยาว 2 – 3 ซม. ยาว 10 – 18 ซม. กว้าง 6 – 10 ซม.ดอกมีสีขาวอมเหลืองออกเป็นช่อตุ้มกลมขนาด 3-5 ซม.

ด้วยความที่สมัยก่อนกระท่อมถูกนำมาใช้เป็นพืชสมุนไพรโบราณเพื่อแก้อาการท้องเสียในสูตรยาของหมอแผนโบราณ หรือหมอพื้นบ้านมาก่อน โดยการเคี้ยวใบสดหรือใบแห้งบดผงละลายน้ำ แต่มีผลข้างเคียงหากถูกนำมาใช้ต่อเนื่องเป็นเวลานาน ด้วยกระท่อมนั่นมีสาร ไมทราไจนีน (Mitragynine) เป็นสารจำพวกอัลคาลอยด์ ออกฤทธิ์กดประสาทส่วนกลาง (CNS depressant) เช่นเดียวกับยาเสพติดกลุ่มเดียวกัน เช่น psilocybin แลย LSD และ ยาบ้า เมื่อทำการเสพ 5-10 นาที จะมีอาการเป็นสุข กระปรี้กระเปร่า ไม่รู้สึกหิว (ไม่อยากอาหาร) กดความรู้สึกเมื่อยล้าขณะทำงาน ทำให้สามารถทำงานได้นาน และทนแดดมากขึ้น พอใช้นานๆ   จะมีการเพิ่มปริมาณมากขึ้น    

ปัญหาการแพร่ระบาดในกลุ่มวัยรุ่นและนักเรียน อาจ เนื่องมาจากมีราคาถูกและทำให้เกิดอาการเคลิบเคลิ้มได้เช่นเดียวกับสารเสพติดอื่น โดยมักนิยมนำน้ำกระท่อมต้ม ผสมกับโค้ก ยากันยุง และยาแก้ไอ (4×100) ผลค้างเคียงเมื่อขาดยา ที่พบ คือ จะไม่มีแรง ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อและกระดูก แขนขากระตุก รู้สึกอ่อนเพลีย ไม่สามารถทำงานได้ อารมณ์ซึมเศร้า จมูกแฉะ น้ำตาไหล บางรายจะมีท่าทางก้าวร้าว แต่เป็นมิตร (Hostility) นอนไม่หลับ เบื่ออาหาร

จนกระทั่ง ปี พ.ศ. 2486 ประเทศไทยประกาศควบคุมการใช้พืชกระท่อม โดยตราพระราชบัญญัติพืชกระท่อม พ.ศ. 2486 ระบุห้ามปลูกและครอบครองรวมทั้งห้ามจำหน่ายและเสพใบกระท่อม ต่อมาปี พ.ศ. 2522 กระท่อมเป็นพืชเสพติดให้โทษประเภท 5 ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 “ผู้ใดผลิต จำหน่าย นำเข้า หรือส่งออกซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 ต้องระวางโทษจ าคุกตั้งแต่ 2 – 5 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000 – 150,000 บาท ครอบครองโดย มิได้รับอนุญาต ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”

อีกด้านของกระท่อมหากมองว่าไม่ใช่สารเสพติดที่ให้โทษ แต่ก็เป็นพืชที่ช่วยรักษาโรคและมีประโยชน์ทางด้านการแพทย์หลายอย่าง ที่   นอกจากจะช่วยในเรื่องของการแก้ท้องเสียแล้ว ยังมีความสามารถ รักษาอาการลำไส้ติดเชื้อ, ช่วยลดอาการปวดที่มีผลดีกว่ามอร์ฟีน,     ลดอาการขาดยาจากสารเสพติด, ช่วยแก้อาการปวดฟัน, ช่วยลดความดันโลหิตสูง, ช่วยรักษาโรคเบาหวาน, ช่วยรักษาแผลในปาก  และแก้ไอ ทั้งนี้การใช้ในการรักษาอาการต่างๆ ข้างต้นจะต้องได้รับความรู้ความเข้าใจในการใช้กระท่อมเพื่อรักษาโรคดังกล่าวด้วย 

เมื่อได้เห็นผลประโยชน์ทางการแพทย์จากกระท่อม ประเทศไทยจึงได้ทำการยกเลิกพืชกระท่อมจากการเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 5 ในราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ ฉบับที่ 8 พ.ศ. 2564 โดยมีผล วันที่ 24 สิงหาคม 2564โดยยกเลิกความผิดและโทษเกี่ยวกับพืชกระท่อม แต่ยังมีเงื่อนไขๆ ต่างเช่น กรณีนำเข้า-ส่งออก หรือนำใบกระท่อมมาแปรรูปเป็นสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ จะต้องขออนุญาตก่อน, ห้ามนำไปผสมกับยาเสพติดชนิดอื่น เช่น สารเสพติดชนิด 4×100, ห้ามขายให้เยาวชน สตรีมีครรภ์ และสตรีให้นมบุตร และ ห้ามขายในสถานศึกษาและวัด

ทั้งนี้ในการใช้กระท่อมให้เกิดประโยชน์ทางด้านการแพทย์ควรใช้ตามคำแนะนำของแพทย์ไม่มากจนเกินไป ซึ่งจะเปลี่ยนจากประโยชน์กลายเป็นสารเสพติดให้โทษแทน

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ 2565 ที่ผ่านมา ทางกระทรวงสาธารณสุขได้มีการประกาศปลดล็อกกัญชา ในหัวข้อเรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท5  ส่งผลให้พืชกัญชาไม่ถือเป็นยาเสพติด และยกเลิกความผิดฐานผลิต นำเข้าหรือส่งออกมีไว้ในครอบครอง จำหน่าย มีไว้ในครองครองเพื่อเสพ 

แต่ใดๆก็ตามยังมีเงื่อนไขการนำไปใช้เพื่อให้เกิดความถูกต้องตามกฏหมาย ตามรายละเอียดดังนี้ 

ทำความรู้จักกับสาร THC และCBD ในกัญชา

Tetrahydrocannabinol (THC )และ Cannabidiol (CBD) เป็นสารแคนนาบินอยด์ ที่พบในพืชตระกูลกัญชา (แต่ในร่างกายของเราก็มีอยู่แล้วเช่นกัน)โดย THC ส่วนใหญ่จะพบในกัญชา และ CBD จะพบมากในกัญชง ซึ่งสารทั้ง2 ตัวนี้ คล้ายกันแต่จะให้ผลที่แตกต่างกันหลังจากที่ได้รับเข้าสู่ร่างกาย 

THCCBD
ส่งผลต่อประสาทก่อให้เกิดอาการมึนเมาให้ผลตรงกันข้าม
ไม่เกิดอาการมึนเมา
บรรเทาอาการเจ็บปวดเรื้อรังบรรเทาอาการซึมเศร้า
ช่วยเรื่องผ่อนคลายและช่วยในการนอนหลับบรรเทาและป้องกันโรคหัวใจ
บรรเทาอาการข้างเคียงของการทำคีโมบรรเทาอาการโรคเบาหวาน
มีผลข้างเคียงหลังการใช้มากเกินไป เช่น ปากแห้ง กระหายน้ำ หัวใจเต้นเร็ว การตอบสนองช้าไม่ค่อยมีผลข้างเคียงต่อร่างกาย
อาจเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดภาวะจิตเภทลดอาการทางจิตประสาทของ THC
ในกัญชาจะพบ THC ประมาณ12%พบCBDในกัญชาไม่ถึง 0.30%

การสูบกัญชาโดยตรงอาจทำให้ได้รับ THC มากเกินไป เนื่องจากมีปริมาณ THC มากกว่า CBD  ตามธรรมชาติ การใช้CBD ที่มีประสิทธิภาพจะต้องผ่านการกลั่นหรือผ่านกระบวนการสกัดออกมาก่อน

 กัญชาในต่างประเทศ

 อาจจะไม่ใช่ทุกประเทศที่สามารถใช้กัญชาได้อย่างถูกกฎหมาย ยังคงมีการควบคุมดูแลภายใต้เงื่อนไขของรัฐบาลแต่ละประเทศ แต่ก็จะมี อุรุกวัย และแคนาดา ที่เปิดใช้กัญชาได้อย่างเต็มรูปแบบ  และสำหรับบางประเทศนำเข้าเพื่อใช้ทางการแพทย์เท่านั้น เช่น เดนมาร์ก , อังกฤษ และตุรกี  ในบางประเทศอนุญาตให้ใช้เพื่อผ่อนคลายได้ด้วย เช่น แคนาดา สเปน และแอฟริกาใต้

คนไทยกับกัญชาเสรี

 ยังถือว่าเป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหม่สำหรับคนไทย กับการปลดล็อกกัญชา หรือการใช้กัญชาเสรี  เนื่องจากที่ผ่านมานั้นกัญชาถูกจัดเป็นพืชเสพติด มีโทษทางกฎหมาย แต่ในปัจจุบันนับตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ.2565 เป็นต้นมา การประกาศปลดล็อกกัญชาจากกระทรวงสาธารณสุข ระบุให้บุคคลที่มีอายุมากกว่า20 ปี สามารถครอบครองกัญชาได้นั้น อาจส่งผลต่อรูปแบบการดำเนินชีวิต ของประชาชนให้เปลี่ยนไปจากเดิม  เช่นบางคนอาจนำส่วนของกัญชาไปปรุงอาหาร โดยไม่มีความรู้ที่ถูกต้อง ในเรื่องของปริมาณสารที่อาจจะได้รับจนก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกาย บางคนนำใช้ในทางที่ผิด หรือใช้เกินขนาดก็มีผลเสียเช่นกัน 

รัฐบาลเชื่อว่าการปลดล็อกกัญชาจะก่อให้เกิดประโยชน์ทางการแพทย์และสุขภาพมากขึ้น รวมถึงกัญชา จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้ดียิ่งขึ้นด้วยเช่นกัน ดังนั้นรัฐบาลควรเริ่มต้นจากการให้ความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องแก่ประชาชน ในเรื่องของคุณประโยชน์และโทษของกัญชา เพื่อลดปัญหาสุขภาพและปัญหาสังคมที่จะตามมาภายหลัง

การติดยาไอซ์ทำให้รู้สึกอย่างไร

ยาไอซ์ เป็นยากระตุ้นประสาท มันส่งผลทำให้เกิดสมาธิสั้น และทำให้รู้สึกง่วงในช่วงเวลาที่ไม่ปกติ นอนไม่หลับ บางครั้งถูกนำมาใช้ในทางการแพทย์เพื่อรักษาโรคความผิดปกติอื่น ๆ

ยาเดกซ์โตรแอมเฟตามีน (Dextroamphetamine) และ เมทแอมเฟตามีน (Methamphetamine) ล้วนแล้วแต่เป็นยาบ้า หรือยาไอซ์ทั้งสองประเภท บางครั้งถูกนำมาขายกันอย่างผิดกฎหมาย ยาทั้งสองชนิดนี้สามารถได้รับจากแพทย์โดยตรง หรือซื้อขายกันตามท้องถนนได้ ซึ่งส่วนใหญ่จะถูกนำไปใช้งานในทางที่ผิด และทำให้เกิดความผิดปกติได้ ยาเมทแอมเฟตามีนเป็นยาแอมเฟตามีน ที่มีการนำมาใช้งานในทางที่ผิดกันมากที่สุด

อาการติดยาไอซ์ จะเป็นความผิดปกติประเภทหนึ่งที่เกิดจากการกระตุ้น เกิดขึ้นเมื่อคุณต้องการใช้ยาช่วยในการทำงานทุกวัน คุณจะเลิกยาได้หากคุณสามารถพึ่งพาตัวเองได้ และหยุดใช้ยาอย่างทันที

สาเหตุที่ทำให้มีการติดยาไอซ์

การใช้ยาไอซ์เป็นประจำ และใช้เป็นเวลานานสามารถทำให้เกิดอาการติดได้

บางคนสามารถติดยาไอซ์ได้เร็วกว่าคนอื่น ๆ

คุณอาจติดยาได้หากคุณใช้ยาเหล่านี้ โดยที่แพทย์ไม่ได้สั่งจ่ายยาให้กับคุณ คุณยังอาจติดยาได้หากคุณใช้งานนาน เกินกว่าที่แพทย์สั่งจ่ายยาให้กับคุณ มันอาจกลายเป็นการใช้ยาที่ผิดปกติได้ แม้ว่าคุณจะใช้ยาแอมเฟตามีนตามที่แพทย์สั่งก็ตาม

ใครคือผู้ที่ตกอยู่ในความเสี่ยงที่จะติดยาไอซ์

คุณอาจมีความเสี่ยงต่อการใช้ยาที่ผิดปกติได้หากคุณ:

สามารถหายาไอซ์มาใช้ได้อย่างง่ายดาย

มีภาวะซึมเศร้า โรคไบโพล่า วิตกกังวล หรือโรคจิตเภท

มีการดำรงชีวิตที่มีความเครียด

การติดยาไอซ์มีอาการอย่างไรบ้าง

หากคุณมีอาการติดยาไอซ์ คุณอาจมีอาการเหล่านี้:

อาการที่เกิดขึ้นเมื่อคุณเลิกยาหรือไม่ได้ใช้ยาไอซ์

ความรู้สึกหลอน เช่น มีความรู้สึกเหมือนกับว่ามีบางอย่างกำลังไต่อยู่บนผิวหนังของคุณ

จะตรวจสอบว่าเรามีอาการติดยาไอซ์ได้อย่างไร

ในการตรวจสอบความผิดปกติจากการใช้ยาแอมเฟตามีน แพทย์ของคุณจะถามคำถามว่าใช้ยาไอซ์ไปมากแค่ไหน และนานแค่ไหน

คุณอาจมีความผิดปกติจากการใช้ยาไอซ์ หากคุณมีอาการ3อย่างขึ้นไปดังต่อไปนี้ภายในระยะเวลา 12 เดือน:

คุณมีความอดทนเพิ่มขึ้นหากคุณต้องการใช้ยาไอซ์ในปริมาณมากเพื่อให้ได้รับผลในแบบเดียวกันเมื่อลดปริมาณการใช้ยาลง

การเลิกใช้ยาอาจทำให้มีอาการดังต่อไปนี้:

การเปลี่ยนแปลงรูปแบบการดำรงชีวิต

คุณพลาดหรือไม่ไปร่วมกิจกรรมสันทนาการ การเข้าสังคม หรือกิจกรรมต่าง ๆ เกี่ยวกับงานที่คุณทำอันเนื่องมาจากการใช้ยาไอซ์

วิธีการรักษาอาการติดยาไอซ์

วิธีเลิกยาไอซ์ในไทย และการรักษาความผิดปกติต่างๆจากการใช้ยา โดยวิธีเลิกยาไอซ์สามารถผสมผสานสิ่งต่างๆเหล่านี้เข้าด้วยกัน:

การรักษาในโรงพยาบาล

การบำบัด

การใช้ยา

แพทย์ของคุณอาจสั่งจ่ายยาเพื่อบรรเทาอาการของการเลิกยา แพทย์บางคนอาจสั่งจ่ายยา นาลเทรกโซน (naltrexone) ให้กับคุณเพื่อช่วยลดความต้องการใช้ยาของคุณ แพทย์ของคุณอาจสั่งจ่ายยาอื่นเพื่อช่วยลดอาการวิตกกังวล ภาวะซึมเศร้า และอารมณ์รุนแรงของคุณ

ภาวะแทรกซ้อนของการติดยาไอซ์มีอะไรบ้าง

การติดยาไอซ์เป็นประจำ และความผิดปกติจากการใช้ยาสามารถนำไปสู่:

การใช้ยาเกินขนาด

สมองเกิดความเสียหาย รวมไปถึงอาการที่คล้ายกลับโรคอัลไซเมอร์ ลมชัก หรือโรคหลอดเลือดสมอง และเสียชีวิต

ฉันจะป้องกันอาการติดยาไอซ์ได้อย่างไร

โปรแกรมการศึกษาด้านยาเสพติดอาจสามารถช่วยลดโอกาสการเกิดผู้ใช้ยารายใหม่ หรืออาการกำเริบ แต่มีผลการศึกษามากมายรวมกัน การให้คำปรึกษาด้านอารมณ์ และความช่วยเหลือจากครอบครัวสามารถช่วยได้ แต่อย่างไรก็ตาม ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าจะสามารถช่วยป้องกันไม่ให้คนหันมาใช้ยาไอซ์

แนวโน้มในระยะยาวจะเป็นอย่างไร

ความผิดปกติจากการใช้ยาไอซ์อาจทำให้รักษาได้ยาก คุณอาจมีอาการกำเริบหลังจากการรักษา และเริ่มหันกลับไปใช้ยาอีกได้

การเข้าร่วมโปรแกรมทีละขั้นตอน และการรับคำแนะนำเป็นรายบุคคลอาจช่วยลดโอกาสของการเกิดอาการกำเริบ และช่วยเพิ่มโอกาสในการฟื้นฟูของคุณได้

หากคุณมีปัญหาในการใช้เมทแอมเฟตามีน หรือยาไอซ์ และหากอยากเลิกยาไอซ์ แนะนำให้เริ่มต้นจากขอคำปรึกษาหรือกำลังใจจากคนใกล้ตัว  และเราทราบว่าการเลิกยาไอซ์เพียงลำพังจะค่อนข้างยากและอันตราย เนื่องจากคุณต้องรับมือกับอาการขาดยา ที่ส่งผลกระทบต่อทั้งร่างกายและจิตใจของคุณ อาการทรมานที่จะเกิดขึ้นอาจทำให้คุณมีอารมณ์หรือความคิดที่เปลี่ยนไปอย่างรุนแรง ส่งผลให้คุณมีพฤติกรรมที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อคุณเองหรือคนรอบข้างโดยไม่รู้ตัว หากคุณสนใจเลิกยาเสพติดโทร ติดต่อเรา ทางเรามีโปรแกรมรักษาอาการติดยาไอซ์จากผู้เชี่ยวชาญ และผลิตภัณฑ์เลิกยาเสพติดที่ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพในการช่วยเหลือคุณ

ได้ขึ้นทะเบียนเป็นสถานฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ป่วยยาเสพติดและด้านสภาพจิตใจอย่างถูกต้องตามกฏหมาย

เกี่ยวกับศูนย์ฟื้นฟูไลท์เฮ้าส์

เป็นศูนย์ฟื้นฟูและพักฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในกรุงเทพ ศุนย์ฟื้นฟูไลท์เฮ้าส์ เป็นศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพในรูปแบบอเมริกัน ให้การรักษาติดยาเสพติดที่มีคุณภาพสูงสุดในราคาที่เหมาะสมและเป็นการบำบัดแบบเฉพาะในประเทศไทยเพื่อให้การรักษาเป็นรายบุคคลกับผู้บำบัดรักษาทุกราย เราเป็นเจ้าของและดำเนินการโดยทีมงานชาวอเมริกันและคนไทยที่มีประสบการณ์และได้รับการฝึกอบรมการรักษาการติดยาเสพติดและความผิดปกติด้านสุขภาพจิตจากสหรัฐอเมริกา

บริการของเรา

ให้การรักษาอาการของผู้ที่ติดยาเสพติดและแอลกอฮอล์โดยมีวิธีการรักษาแบบเหมาะสำหรับแต่ละบุคคล เรามีผู้เชี่ยวชาญด้านการบำบัดการติดยาเสพติดที่มีคุณสมบัติและความรู้เหมาะสมที่สุด และบุคลากรทางการแพทย์ของเราทุกคนจบปริญญาโทหรือสูงกว่าโดยมีประสบการณ์หลายปีในการทำงานด้านสุขภาพจิตและการรักษาติดยาเสพติด ได้รับการฝึกอบรมในการรักษาการติดยาเสพติดและรักษาผู้ที่มีอาการผิดปกติด้านสุขภาพจิต

ติดต่อเรา

Lighthouse Human Services & Consulting, Co., Ltd.

Head Office:
Ramkamheng 118
Saphan Sung, Bangkok 10240
Thailand

Email: [email protected]