ยาอี ยาเลิฟ อันตรายเกินคาด! ภัยเงียบที่ทำร้ายสังคม

ปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาใหญ่ที่แพร่ระบาดในสังคมไทยมาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ยาอี” หรือ “ยาเลิฟ” ที่เป็นที่นิยมในหมู่วัยรุ่นและคนหนุ่มสาว หลายคนอาจมองว่ายาอีเป็นเพียงยาเสริมความสนุกในงานปาร์ตี้หรือดิสโก แต่ความจริงแล้วยาอีมีอันตรายร้ายแรงมากกว่าที่คิด ไม่เพียงแต่จะทำลายสุขภาพของผู้เสพเท่านั้น แต่ยังกระทบต่อครอบครัว ชุมชน และสังคมโดยรวม 

บทความนี้ชวนทำความเข้าใจอย่างตรงไปตรงมา ตั้งแต่ยาอีคืออะไร ออกฤทธิ์อย่างไร ใช้แล้วอาการเป็นอย่างไร ผลข้างเคียงทั้งหมดอันตรายแค่ไหน รวมถึงโทษของยาอี ทั้งกรณีครอบครอง เสพ และจำหน่าย เพื่อช่วยให้คนที่อยากเลิกหรือกำลังมองหาความช่วยเหลือสามารถตัดสินใจบนข้อมูลที่ถูกต้อง และเห็นทางออกที่ปลอดภัย

ยาอี (Ecstacy) คืออะไร? ยาอีมีลักษณะอย่างไร?

ยาอี (Ecstacy) คือ ยาเสพติดสังเคราะห์ที่มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า MDMA (3,4-Methylenedioxymethamphetamine) ซึ่ง MDMA คือสารประกอบทางเคมีที่ถูกสังเคราะห์ขึ้นในห้องปฏิบัติการ และยาเลิฟ คือ ชื่อเรียกภาษาอังกฤษของยาชนิดเดียวกันนี้ที่มาจากคำว่า “Love Pill” เนื่องจากผลของยาที่ทำให้ผู้เสพรู้สึกรักใคร่ผูกพันกับคนรอบข้างมากขึ้น

ยาอีมักจะอยู่ในรูปแบบเม็ดยา มีสีและรูปร่างที่หลากหลาย เช่น สีขาว ชมพู เหลือง หรือสีอื่นๆ บางเม็ดมีลายหรือโลโก้พิเศษ เช่น รูปหัวใจ ดาว หรือสัญลักษณ์ต่างๆ เพื่อเป็นเครื่องหมายการค้า

ส่วนประกอบของยาอีที่วางจำหน่ายในตลาดมืดมักไม่บริสุทธิ์ มีการผสมสารเคมีอื่นๆ เข้าไป เช่น แอมเฟตามีน หรือสารเคมีอันตรายอื่นๆ ทำให้ไม่สามารถคาดเดาได้ว่าจะมีผลข้างเคียงอย่างไร

ยาอีออกฤทธิ์อย่างไร? ทำไมถึงรู้สึกสนุก 

ยาอีออกฤทธิ์โดยการเข้าไปรบกวนระบบสื่อสารในสมอง โดยเฉพาะการทำงานของสารสื่อประสาท 3 ชนิดหลัก ได้แก่ เซโรโทนิน โดปามีน และนอร์อะดรีนาลีน

เซโรโทนิน: เป็นสารสื่อประสาทที่มีบทบาทสำคัญในการควบคุมอารมณ์ ความสุข และการนอนหลับ ยาอีจะทำให้เซโรโทนินหลั่งออกมาอย่างมากในช่วงเวลาสั้นๆ ส่งผลให้ผู้เสพรู้สึกเบิกบานใจ มีความรัก ความเมตตาต่อผู้อื่น และรู้สึกเชื่อมต่อกับสิ่งรอบตัวอย่างลึกซึ้ง

โดปามีน: เป็นสารสื่อประสาทที่เกี่ยวข้องกับความรู้สึกสนุกสนาน ความพึงพอใจ และแรงจูงใจ การเพิ่มขึ้นของโดปามีนทำให้ผู้เสพรู้สึกมีพลังงาน ตื่นตัว และอยากเสพซ้ำ

นอร์อะดรีนาลีน: ส่งผลต่อการทำงานของหัวใจ ความดันโลหิต และระดับความตื่นตัว ทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น ความดันโลหิตสูงขึ้น และร่างกายอยู่ในสภาวะพร้อมรบ

ผลของยาจะเริ่มต้นภายใน 30-60 นาที หลังจากเสพ และคงอยู่ประมาณ 3-6 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับปริมาณที่เสพและปัจจัยส่วนบุคคล

อาการหลังจากเสพยาอีเป็นอย่างไร?

ผลข้างเคียงจากการใช้ยาอี

ผู้ที่เสพยาอี อาการจะสามารถแบ่งออกเป็น 2 ช่วงหลัก คือ ช่วงที่ยาออกฤทธิ์ และช่วงหลังยาหมดฤทธิ์ ซึ่งแต่ละช่วงจะมีอาการที่แตกต่างกัน

ช่วงที่ยาอีออกฤทธิ์ (3-6 ชั่วโมง)

อาการทางจิตใจ:

  • รู้สึกเบิกบานใจ มีความสุขอย่างมาก
  • รู้สึกรักและเมตตาต่อคนรอบข้าง
  • เปิดใจง่าย พูดคุยได้ดีกับทุกคน
  • รู้สึกมั่นใจในตัวเองสูง
  • ประสาทสัมผัสไวขึ้น เช่น สีสันดูสดใส เสียงเพลงฟังดีขึ้น

อาการทางร่างกาย:

  • หัวใจเต้นเร็วขึ้น
  • เหงื่อออกมาก
  • อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้น
  • กล้ามเนื้อขากรรไกรกระตุก 
  • นอนไม่หลับ
  • เบื่ออาหาร

ผลข้างเคียงช่วงหลังยาอีหมดฤทธิ์ (1-3 วัน)

  • ปวดหัว
  • รู้สึกเศร้า หดหู่ใจอย่างมาก
  • เหนื่อยล้า อ่อนเพลียมาก
  • หงุดหงิด ฉุนเฉียวง่าย
  • วิตกกังวล
  • นอนไม่หลับหรือนอนมากเกินไป
  • เบื่ออาหารหรือกินมากเกินไป

อาการฉุกเฉิน

หากพบอาการเหล่านี้ ต้องรีบพาส่งโรงพยาบาลทันที

  • ชัก
  • หมดสติ
  • หายใจลำบาก
  • อุณหภูมิร่างกายสูงมาก
  • หัวใจเต้นผิดปกติรุนแรง
  • ประสาทหลอนรุนแรง

สิ่งสำคัญ: อาการหลังเสพยาอีแต่ละคนจะแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับปริมาณที่เสพ ความบริสุทธิ์ของยา สภาพร่างกาย และการมีโรคประจำตัว การเสพแม้เพียงครั้งเดียวก็อาจทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้

โทษของยาอีในไทย: ครอบครอง เสพ หรือจำหน่าย มีอะไรบ้าง?

ตามกฎหมายไทย ยาอี (MDMA) ถูกจัดเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 1 ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 ซึ่งมีโทษทางกฎหมายที่รุนแรงมาก

1. การผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่ายหรือมีไว้ในครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาต

โทษ: จำคุกไม่เกิน 15 ปี และปรับไม่เกิน 1,500,000 บาท

2. การผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่ายหรือมีไว้ในครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาต ที่เป็นการกระทำดังต่อไปนี้

(1) การกระทำเพื่อการค้า

(2) การก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน

(3) การจำหน่ายแก่บุคคลอายุไม่เกิน18ปี

(4) การจำหน่ายในบริเวณสถานศึกษา สถานอันเป็นที่เคารพในทางศาสนาของหมู่ชนใด หรือสถานที่ราชการ

(5) การกระทำโดยใช้กำลังประทุษร้ายหรือ ขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย

(6) การกระทำโดยมีอาวุธหรือใช้อาวุธ

โทษ: จำคุกตั้งแต่ 2 ปี ถึง 20 ปี และปรับตั้งแต่ 200,000 บาท – 2,000,000 บาท

3. การผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่ายหรือมีไว้ในครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาต ที่เป็นการกระทำดังต่อไปนี้

(1) การกระทำโดยหัวหน้า ผู้มีหน้าที่สั่งการ หรือผู้มีหน้าที่จัดการในเครือข่ายอาชญากรรม

(2) การทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป

โทษ: ต้องระวางโทษ จำคุกตั้งแต่ 5 ปีถึงจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่ 500,000 – 5,000,000 บาท หรือประหารชีวิต

4. การเสพยา

โทษ: จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

5. การจูงใจ ชักนำ ยุยง ส่งเสริม ใช้อุบายหลอกลวง ขู่เข็ญ ใช้กำลังบังคับให้ผู้อื่นเสพ

โทษ: ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับไม่เกิน 1,000,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

6. การจูงใจ ชักนำ ยุยง ส่งเสริม ใช้อุบายหลอกลวง ขู่เข็ญ ใช้กำลังบังคับให้ผู้อื่นเสพ โดยเป็นการกระทำต่อหญิง หรือ ต่อบุคคลอายุไม่เกิน 18 ปี

โทษ: ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3 ปีถึงจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่ 300,000 บาท – 5,000,000 บาท

อย่าปล่อยให้ค่ำคืนเดียวทำร้ายทั้งชีวิต พบทางออกวันนี้

เมื่อมองครบทุกด้าน ภาพที่ชัดเจนคือความเสี่ยงจากการใช้ยาอีมีอยู่จริงและสูงกว่าที่คิดโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อยาที่ได้มาไม่มีมาตรฐาน ไม่รู้ปริมาณสารออกฤทธิ์ และอาจปนเปื้อนสารอื่น ความสนุกไม่กี่ชั่วโมงอาจแลกด้วยอันตรายที่คาดไม่ถึง

ข่าวดีคือ การฟื้นคืนคุณภาพชีวิตเป็นไปได้ หากเริ่มต้นขอความช่วยเหลืออย่างถูกทาง สำหรับผู้ติดสารเสพติดที่รู้สึกว่าควบคุมไม่ได้แล้ว หรือคนในครอบครัวกำลังเผชิญปัญหายาเสพติด การเข้าร่วมโปรแกรมบําบัดยาเสพติดที่เป็นระบบ จะช่วยประเมินทั้งด้านร่างกายและจิตใจ วางแผนการดูแลรายบุคคล ตั้งแต่การถอนพิษอย่างปลอดภัย การทำจิตบำบัดรายบุคคลและกลุ่ม การเสริมทักษะป้องกันการหวนกลับไปใช้ และการดูแลครอบครัวร่วมกัน เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมใหม่ที่หนุนให้ก้าวต่อไปได้อย่างมั่นคง

หากต้องการการดูแลใกล้ชิดและต่อเนื่อง การเข้าพักในคลินิกบำบัดฟื้นฟูสำหรับผู้เลิกยาเสพติดเป็นทางเลือกที่เหมาะสม เพราะมีทีมสหวิชาชีพดูแลตลอด 24 ชั่วโมง สภาพแวดล้อมปลอดภัยและออกแบบให้ฟื้นฟูได้จริง ในประเทศไทยมีหลายศูนย์ที่เน้นความเป็นส่วนตัวและการฟื้นตัวแบบองค์รวม เช่น Lighthouse สถานบําบัดยาเสพติด กินนอน ที่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัย ศักดิ์ศรี และเป้าหมายระยะยาวของผู้รับการบำบัด

สุดท้ายนี้ ไม่ว่าคุณจะกำลังอ่านเพื่อทำความเข้าใจ ป้องกันความเสี่ยงให้ตัวเองหรือคนรอบตัว หรือกำลังมองหาทางออกอย่างจริงจัง ขอชวนให้คุยกับผู้เชี่ยวชาญตั้งแต่วันนี้ ยิ่งเริ่มเร็ว โอกาสฟื้นคืนคุณภาพชีวิตก็ยิ่งสูงขึ้น คืนที่สนุกควรจบลงด้วยความทรงจำดีๆ ไม่ใช่ความเสียใจที่ยืดยาว

ได้ขึ้นทะเบียนเป็นสถานฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ป่วยยาเสพติดและด้านสภาพจิตใจอย่างถูกต้องตามกฏหมาย

เกี่ยวกับศูนย์ฟื้นฟูไลท์เฮ้าส์

เป็นศูนย์ฟื้นฟูและพักฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในกรุงเทพ ศุนย์ฟื้นฟูไลท์เฮ้าส์ เป็นศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพในรูปแบบอเมริกัน ให้การรักษาติดยาเสพติดที่มีคุณภาพสูงสุดในราคาที่เหมาะสมและเป็นการบำบัดแบบเฉพาะในประเทศไทยเพื่อให้การรักษาเป็นรายบุคคลกับผู้บำบัดรักษาทุกราย เราเป็นเจ้าของและดำเนินการโดยทีมงานชาวอเมริกันและคนไทยที่มีประสบการณ์และได้รับการฝึกอบรมการรักษาการติดยาเสพติดและความผิดปกติด้านสุขภาพจิตจากสหรัฐอเมริกา

บริการของเรา

ให้การรักษาอาการของผู้ที่ติดยาเสพติดและแอลกอฮอล์โดยมีวิธีการรักษาแบบเหมาะสำหรับแต่ละบุคคล เรามีผู้เชี่ยวชาญด้านการบำบัดการติดยาเสพติดที่มีคุณสมบัติและความรู้เหมาะสมที่สุด และบุคลากรทางการแพทย์ของเราทุกคนจบปริญญาโทหรือสูงกว่าโดยมีประสบการณ์หลายปีในการทำงานด้านสุขภาพจิตและการรักษาติดยาเสพติด ได้รับการฝึกอบรมในการรักษาการติดยาเสพติดและรักษาผู้ที่มีอาการผิดปกติด้านสุขภาพจิต

ติดต่อเรา

Lighthouse Human Services & Consulting, Co., Ltd.

Head Office:
Ramkamheng 118
Saphan Sung, Bangkok 10240
Thailand

Email: [email protected]